เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า คริปโตยักษ์ใหญ่อย่าง Ethereum นั้นมีแผนที่จะถูกปรับจากระบบ Proof-of-work (PoW) เป็นระบบ Proof-of-stake (PoS) อยู่แล้ว เนื่องจากปัญหาหลายอย่างเช่น การใช้พลังงานที่มากเกินจากการขุด และประสิทธิภาพที่ไม่มากพอ ซึ่งดูเหมือนการปรับเปลี่ยนเป็นระบบ PoS นั้นจะเริ่มดำเนินการแล้ว
เตรียมอัปเกรดเร็ว ๆ นี้
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา นักพัฒนาหลักของ Ethereum ได้กล่าวในงานประชุมว่า โค้ดสำหรับช่วงแรกในการปรับให้ Ethereum เป็นแบบ Proof-of-stake หรือโค้ดของ Phase Zero นั้นสามารถสำเร็จได้ภายในวันที่ 30 มิถุนายนที่จะถึงนี้
นาย Justin Drake นักพัฒนา Ethereum ได้เคลมว่า ทีมนักพัฒนาจะจัดการโค้ดสำหรับ Phase Zero ได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้:
“ตอนนี้เรายังทำทุกอย่างตามกำหนดการ อย่างไรก็ตาม เราต้องทำการปรับโค้ดให้เรียบง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี และยังมีกระบวนการเพื่อหาบั๊กรอบสุดท้ายอีกด้วย”
การอัปเกรด Ethereum ในอนาคต
Phase Zero คือชื่อของช่วงแรกสุดในการที่ Ethereum จะปรับจากระบบ Proof-of-stake เป็นระบบ Proof-of-work มันเป็นแผนที่เปิดตัวในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อีกชื่อหนึ่งของมันคือ Beacon Chain ช่วง Phase Zero นั้นจะเป็นการปรับเปลี่ยนเครือข่าย Ethereum ครั้งใหญ่ให้กลายเป็น Ethereum 2.0 ซึ่งจะมีระบบการยืนยันบล็อกแบบใหม่ที่จะมีการให้ Validators (ผู้ที่ทำการ Stake เหรียญ) ยืนยันแทน Miners แล้ว (นักขุด)
ในขณะเดียวกัน การอัปเกรด Ethereum ช่วงที่ 2 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง Sharding นั้นจะเน้นไปที่การแก้ปัญหาการ Scaling ในเครือข่าย มันจะแบ่งการประมวลผลธุรกรรมในเครือข่ายให้ยิบย่อยมากขึ้นกระจายไปยัง Nodes เล็ก ๆ ในเครือข่ายเพื่อทำให้ Blockchain มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
อ้างอิงจาก CoinMarketCap หลังจากที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ราคาของ Ethereum มีการเพิ่มขึ้นจาก 160 เป็น 170 ภายในไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่ดีกับตลาดคริปโตโดยรวมก็เป็นได้
ก่อนหน้านี้ นาย Hudson Sameson นักพัฒนาหลักของ Ethereum ได้ประกาศว่า จะทำการสร้าง ProgPoW ที่เป็น Algorithm PoW แต่จะต่อต้านเครื่องขุด ASIC
ในงานประชุมรอบก่อนหน้านี้ นักพัฒนาของ Ethereum ได้หารือกันว่าอาจมีการ Hard Fork ขนาดเล็กมากถี่มากขึ้นในช่วงนี้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น