<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดหุ้นถึง 10 เท่าในปี 2019 นี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ถึงแม้ Bitcoin (BTC) จะมีทิศทางที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนักในช่วงปี 2018 แต่ในปี 2019 มันก็สามารถกลับลำตั้งตัวใหม่ได้ ในระยะช่วงครึ่งปี 2019 ที่ผ่านมา Bitcoin ให้ผลตอบแทนนักลงทุนดีกว่าตลาดหุ้นถึงเกือบ 10 เท่า

อ้างอิงจากทวีตของนาย Anthony Pompilano CEO ของ Morgan Creek Digital สถาบันการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ชี้ว่า ราคาของ Bitcoin นั้นเพิ่มขึ้นมากว่า 111 เปอร์เซ็นต์แล้วในปี 2019 ในขณะที่ หุ้นต่าง ๆ ในตลาดนั้นมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

แค่ในระหว่างเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา Bitcoin ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000 ดอลลาร์ เนื่องจากกระแส FOMO แรงมาก ๆ โดยนาย Mati Greenspan นักวิเคราะห์จาก eToro ได้กล่าวเกี่ยวกับราคาของ Bitcoin ว่า:

“ในจุด ๆ นี้ การเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin เพียง 200 ดอลลาร์ อาจเป็นตัวจุดชนวนให้มันพุ่งไปถึง 2,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว”

ล่าสุดเอง นาย Tim Draper มหาเศรษฐีพันล้านก็ได้ชี้ว่า นักลงทุนบางกลุ่มเกิดความเหนื่อยล้ากับบริษัทเช่น Uber ที่เพิ่งลิสต์เข้าตลาดหุ้น เขาอธิบายว่า แบรนด์เหล่านี้ เมื่อทำการเข้าตลาดหุ้นจะไม่ได้มีราคาที่เพิ่มขึ้นสูงเท่าไรนัก เขาคาดไว้เพียง 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ในทางกลับกัย นาย Draper ได้เผยว่า สำหรับตลาด Bitcoin นั้น นักลงทุนยังไม่ได้เหนื่อยล้ากัน ทำให้มันมีโอกาสเติบโตอีกมาก

BTC ช่วยกระจายความเสี่ยง

ในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับ CNBC นาย Mark Yusko หุ้นส่วนของ Morgan Creek Capital Management กองทุนยักษ์ใหญ่ ได้อธิบาย Bitcoin ว่าเป็นตัวกระจายความเสี่ยงในการลงทุนชั้นเยี่ยม

นักวิเคราะห์จำนวนมากเคยแนะนำเช่นกันว่า Bitcoin นั้นควรคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ในพอร์ทการลงทุนทั้งหมดของนักลงทุน

นาย Yusko ได้มีความเห็นไปทางเดียวกับนาย Pompliano โดยการบอกว่า Bitcoin นั้นเป็นการลงทุนที่น่าเสี่ยงมากกว่าการลงทุนในหุ้น ในต้นปี 2019 เขายังเคยย้ำด้วยว่า Bitcoin นั้นเป็นโอกาสแห่งความมั่งคั่งที่สุดยอดที่สุดในยุคของเรา

การนำ Bitcoin เป็นตัวที่ช่วยกระจายความเสี่ยงใน Portfolio นั้นไม่ได้เป็นตัวเลือกที่แย่เลย เพราะล่าสุดตลาดหุ้นก็เข้าสู่ขาลง แต่ Bitcoin นั้นกลับมีราคาที่เพิ่มขึ้น

อ้างอิงจาก Yusko ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า พวกเขาใกล้ที่จะทำการลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจนั้นเริ่มอ่อนตัวลง

ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เท่านั้น แต่ธนาคารกลางในประเทศอื่น ๆ อย่างญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย หรือธนาคารกลางยุโรปเองก็ได้รายงานว่า กำลังจะใช้นโยบายเดียวกัน

และด้วยจุดนี้เองที่ นักลงทุนบางคนเช่นนาย Max Keiser หรือ Travis Kling ได้อธิบายว่า Bitcoin นั้นเป็นเหมือนการ Hedge กับนโยบายของธนาคารกลางที่ล้มเหลว

ราคาของ Bitcoin เคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 20,000 ดอลลาร์ ในปลายปี 2017 แต่หลังจากนั้นไม่นานตลาดคริปโตก็ดิ่งเหวจนมีมูลค่าติดลบกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะเริ่มฟื้นและกลับตัวอีกครั้งในปี 2019 เป็นตลาดกระทิง ซึ่งต้องลุ้นกันต่อไปว่า ในปีนี้จะสามารถทำผลงานได้ดีอย่างที่หลาย ๆ คนคาดหวังหรือไม่

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น