<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เว็บเทรดฉาวโฉ่ Cryptopia ที่ถูกแฮคและยื่นล้มละลายไป ยังติดเงินลูกค้าอยู่ถึง 2.7 ล้านดอลลาร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากที่ Cryptopia เว็บกระดานซื้อขายสัญชาตินิวซีแลนด์ชื่อดังถูกแฮ็คและเตรียมยื่นล้มละลาย ล่าสุดทาง Cryptopia ได้ยื่นบัญชีเปิดเผยว่าเป็นหนี้มากกว่า 2.738 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รายงานจาก Grant Thornton New Zealand เผยว่าทาง Cryptopia มีเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประการอยู่ 69 รายรวมแล้วเป็นหนี้มูลกว่า 1.37 ล้านดอลลาร์ และมีเจ้าหนี้ที่มีหลักประกันรวมแล้วหนี้ 912,000 ล้านดอลลาร์ มีรายจ่ายมากกว่ารายได้อยู่ 1.63 ล้านดอลลาร์ เจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน Dell NZ และ Coca Cola Amatil (NZ)

ทางบริษัทก็เป็นหนี้พนักงานในค่าจ้างและค่าเงินพิเศษสำหรับวันหยุดพักผ่อนรวมแล้วเป็นเงินกว่า 207,000 ดอลลาร์ และยังมีหนี้ที่ไม่มีหลักประกันต่อพนักงานเป็นเงินกว่า 177,000 ดอลลาร์ นาย Grant Thornton กล่าวว่าหนี้จริง ๆ อาจจะมีหนี้มากกว่านั้น

ทั้งนี้ Cryptopia ถูกแฮ็คเมื่อกลางเดือนมกราคมและสูญเสียเงินไปเยอะมาก นักวิเคราะห์ข้อมูลด้าน Blockchain ได้ประเมินว่าทางบริษัทสูญเหรียญคริปโตทั้ง ETH และเหรียญ ERC – 20 รวมแล้วมูลค่ากว่า 16 ล้านดอลลาร์ ต่อมาทางบริษัทก็เริ่มให้บริการเทรดใหม่อีกครั้งและก็หยุดให้บริการในเดือนเดียวกัน

ผู้ชำระบัญชีกล่าวว่าเมื่อทาง Cryptopia เปิดให้บริการเทรดอีกครั้งในตอนนั้นแต่วอลลุ่มก็ยังไม่พอที่จะเอาไปจ่ายหนี้ได้

นาย Grant Thornton ได้ยื่นขอความคุ้มครองกรณีล้มละลายในสหรัฐเพื่อให้คุ้มครองข้อมูลของ Cryptopia ที่เก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ในอาริโซน่า ส่วนหนี้ต่อลูกค้ายังคงไม่ชัดเจนว่าเท่าไร

“บริษัทได้เก็บคริปโตไว้ในวอลเล็ทโดยและมีฐานข้อมูลรายละเอียดธุรกรรมของลูกค้าและยอดคงเหลือที่จัดสรรให้กับลูกค้าแต่ละราย ขณะนี้เรากำลังเข้าดูข้อมูลยอดคงเหลือของลูกค้า และยอดคงเหลือในวอลเล็ทคริปโตของบริษัทซึ่งเราไม่สามารถยืนยันได้ว่าเราคงค้างลูกค้าอยู่เท่าไร”

ในช่วงการชำระบัญชีทางเว็บเทรดมีเงินสดอยู่ 691,229 ดอลลาร์ แต่มีเงินกู้ประมาณ 150,000 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีสินทรัพย์ถาวรที่มีมูลค่ามากกว่า 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

ความรับผิดชอบด้านภาษีของ Cryptopia ยังไม่ปรากฏเนื่องจากหน่วยงานด้านภาษีของนิวซีแลนด์ดำเนินการตรวจสอบบัญชีเมื่อบริษัทยื่นคำร้องเพื่อชำระบัญชี

ทางบริษัทก็พยายามนำคริปโตที่ถูกแฮ็คกลับคืนโดยร่วมมือกับตำรวจท้องที่และผู้ชำระบัญชีก็ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ด้วย

“มันต้องทำการเข้าสู่วอลเล็ทคริปโตของทางบริษัทและโอนไปที่ cold storage ที่ไหนสักที่ที่ปลอดภัย”

ที่มา coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น