ราคาของ Bitcoin ยังคงพยายามอย่างหนักที่จะรักษาโมเมนตัมขาขึ้นอย่างรุนแรงเอาไว้ได้ โดยภายในระยะเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว ราคาของ BTC นั้นได้ร่วงลงกว่า 15% จากระดับ 9,100 ดอลลาร์ลงไปแตะ 7,800 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการปรับฐานครั้งใหญ่หลังจากที่เป็นขาขึ้นมานานถึงสองเดือน ซึ่งการร่วงของราคาดังกล่าวได้ส่งผลทำให้ Bitcoin อยู่ในสถานะที่ยากลำบากอยู่ในตอนนี้ หากมองดูจากมุมมองด้านเทคนิค
อันที่จริงแล้ว Bloomberg ได้รายงานไปเมื่อวานนี้ว่าตัว indicator ของพวกเขาที่ชื่อว่า GTI Vera Convergence-Divergence ได้ส่งสัญญาณขายเป็นครั้งแรก หากนับมาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยตัว indicator ที่ว่านี้เคยทำนายการเทขายที่ระดับราคาที่ 5,000 ดอลลาร์ได้อย่างแม่นยำมาแล้ว โดยพวกเขาถึงกับเขียนว่า “ราคาของ Bitcoin อาจตกลงไปได้มากกว่านี้ เนื่องจากว่ามันได้หยุดพุ่งขึ้นไปเมื่อไม่นานมานี้”
ทว่าอย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนยังคงมองว่าตลาดนั้นกำลังเป็นขาขึ้น โดยพวกเขามักจะบอกให้นักลงทุนลองซูมออกมาดูภาพกว้าง ๆ ของตลาด ที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญของการวิเคราะห์
โดยในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของนาย Oliver Isaacs นักวิเคราะห์ราคามืออาชีพกับสื่อ The Independent เขาได้อธิบายถึงสาเหตุที่ Bitcoin มี “แนวโน้มที่จะมีราคาพุ่งไปถึง 25,000 ดอลลาร์ภายในปี 2019 หรือต้นปี 2020” ซึ่งจะคิดเป็นเปอร์เซนต์ที่ 224% จากระดับราคาในปัจจุบันเลยทีเดียว ซึ่งหากคุณเป็นนักลงทุนคริปโตที่เคยผ่านช่วงปี 2016-2017 มาจะเข้าใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าวได้ดี
นาย Isaacs ได้ลองมองดูตัวแปรพื้นฐานจำนวนหนึ่งที่ส่งผลทำให้ราาดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาอย่างรุนแรง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ส่งผลทำให้ราคาของมันขึ้นอย่างรุนแรง หลัก ๆ นั้นก็เป็นเพราะว่าผู้คนเกรงกลัวต่อการถือดอลลาร์ เลยต้องขายออกไปซื้อสินทรัพย์อย่างอื่น และ Bitcoin ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่านาย Garrick Hileman หรือหัวหน้าฝ่ายค้นคว้าวิจัยจากบริษัทสตาร์ทอัพ blockchain.com ได้ให้สัมภาษณ์กับ SCMP ว่าเขาได้เห็น “ความสัมพันธ์ที่ตรงกันข้ามอย่างรุนแรง” ระหว่าง Bitcoin กับเงินหยวน พร้อมเสริมว่าเขานั้นไม่แน่ใจ 100% ว่าการขึ้นของราคา Bitcoin ล่าสุดนั้นมีสาเหตุมาจากความตึ่งเครียดของสงครามการค้า” แต่ก็แน่ใจว่าในอดีตนั้นเงินหยวนถูกซื้อขายกลับไปเป็น BTC เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
นี่ไม่ใช่สัญญาณด้านบวกตัวเดียวเท่านั้นทีนาย Isaacs วิเคราะห์ แต่ยังรวมถึงการที่บริษัทดัง ๆ อย่าง Microsoft, Facebook, Amazon’s Whole Foods, และ AT&T ก็เริ่มที่จะกระโดดเข้ามาในอุตสาหกรรม Blockchain ด้วยเช่นกัน แม้ว่าตัวแปรเหล่านี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ bitcoin โดยตรง แต่บริษัทเหล่านี้จะช่วยนำพา keyword คำว่า blockchain ไปให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รู้ถึงการมีตัวตนของเหรียญคริปโตเหล่านี้อีกมาก
นาย Isaacs นั้นไม่ใช่คนแรกที่ออกมาทำนายราคาของ Bitcoin ว่าจะพุ่งขึ้นไปอย่างรุนแรง แต่ยังมีนาย Jechan Chu ที่ออกมากล่าวว่าราคาของมันจะพุ่งไปถึง 30,000 ดอลลาร์ภายในเดือนธันวาคมปี 2019 นี้ได้อีกด้วย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น