<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ชาวฮ่องกงหันมาใช้เงินสดเพื่อหลีกเลี่ยงการเฝ้าดูของรัฐบาล หรือจะเป็นโอกาสของ Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

รายงานระบุว่า ชาวฮ่องกงหันมาใช้เงินสดโดยมอง เรื่องความเป็นส่วนตัวทางการเงินนั้นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประท้วงชาวฮ่องกงใช้เงินสดเพื่อปกปิดตัวตนของตัวเอง

ฮ่องกงใช้เงินสด “เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตาม”

อ้างอิงจากรายงานต่าง  ๆ ที่ปรากฏบนโลกโซเชียลในสัปดาห์ที่มีผู้ประท้วงออกมาต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงนั้นระบุว่าพวกเขาเหล่านี้ใช้เงินสดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตาม

การประท้วงนี้เกิดขึ้นหลังจากจะมีการร่างกฏหมาย “ส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ที่หากมีการบังคับใช้แล้วนั้น ทางการฮ่องกงจะสามารถส่งผู้ร้ายออกจากเกาะไปยังประเทศอื่น ๆ ไม่เว้นแม้แต่จีนแผ่นดินใหญ่ได้

“เรากลัวการถูกติดตามข้อมูลของเรา” หนึ่งในผู้ประท้วงกล่าวกับนักข่าวจากสำนักข่าว QZ นาง Mary Hui

นาง Hui ได้ถ่ายรูป ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยเธอกล่าวว่ามีคนต่อแถวซื้อตั๋วที่เครื่องขายตั๋ว ยาวเป็นสิบเมตร

เธอกล่าวว่าปกติแล้วเครื่องนี้จะไม่ค่อยมีผู้คนมาใช้งาน ผู้โดยสารสามารถ Top up เงินได้หลายช่องทาง แต่ถึงกระนั้นประชาชนยังคงต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่ดี

เธอยังกล่าวต่อว่าผู้คนสนใจเรื่องความเป็นส่วนตัวมากขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญนี้

เป็นจังหวะที่ดีของ Bitcoin แล้วหรือยัง?

รายงานก่อนหน้านี้ ระบุว่า รัฐบาลหลาย ๆ ประเทศได้ประกาศนโยบาย “สังคมไร้เงินสด” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างมาตรฐานเศรษฐกิจของประเทศของตน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ประเทศต่าง ๆ กล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยลดอัตราอาชญากรรม แต่ฝั่งตรงข้ามก็ได้แย้งว่า การกระทำนี้ มันจะเป็นการเปิดประตูในให้รัฐบาลสามารถเข้ามาควบคุมระบบทางการเงินได้อย่างเบ็ดเสร็จ และอาจไปก้าวก่ายชีวิตของประชาชนทั่วไปในการการใช้เงินของพวกเขา

อย่างไรก็ตามฮ่องกงคือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่ผู้คนเริ่มตระหนักถึงประโยชน์ของเงินสดและรวมถึงทางรัฐบาลที่อาจจะคอยสอดส่องการใช้เงินของประชาชนและมากลั่นแแกล้งพวกเขาได้

“นี่ทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับ เงินสด ปะทะ สังคมไร้เงินสด และในช่วงเวลาที่เกิดการประท้วงนั้นผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรมทางเศรษฐกิจอย่างไร” Hui กล่าว

การประท้วงนี้จะทำให้ค่าเงินฮ่องกงดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกบลสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทาง Bloomberg รายงาน

รัฐบาลใช้เงินไปแล้วกว่า 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่เดือนมีนาคมในการที่จะรักษาค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงต่อสกุลสหรัฐฯ โดยมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินที่เกิดจากเหตุการณ์ทางการเมือง

“เราไม่ไว้ใจจีน เพราะพวกเขาสามารถเอากฏหมายมาใช้แบบพลการ และมันกำลังจะเกิดสิ่งนี้ในฮ่องกงแล้ว” ผู้ประท้วงบอกกับหนังสือพิมพ์ The Guardian และกล่าวเพิ่มเติมว่าหากกฏหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนผ่าน เขาจะแปลงเงินที่ออมไว้เป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ทันที

ปริมาณการซื้อขาย Bitcoin บนแพลตฟอร์ม LocalBitcoins เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เป็นที่สังเกตได้ว่าฮ่องกงมีตู้ ATM Bitcoin มากที่สุดในแถบเอเชีย แถบอุตสาหกรรมที่อยู่ในฮ่องกงยังคงสนับสนุนการประท้วงนี้อีกด้วย ล่าสุดบริษัท LocalBitcoins ในฮ่องกงได้ทำการเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ประท้วงและทำการปิดบริษัทให้พนักงานไปร่วมประท้วงด้วย

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น