นักลงทุน Bitcoin นาย Erik Finman ที่กลายเป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุ 18 ปีได้ลุกขึ้นมาสร้างแพลตฟอร์ม CoinBits เพื่อต้องการผลักดันให้มีการนำคริปโตไปใช้ในกระแสหลักมากขึ้นและเขามั่นใจว่าแพลตฟอร์มนี้จะมีผู้ใช้งานถึง 1 ล้านคนภายใน 12 เดือนข้างหน้า
“ConBits ดีกว่า Coinbase” นาย Finman กล่าว
นาย Finman ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง MarketWatch ว่าแพลตฟอร์มของเขาจะกลายมาเป็นคู่แข่งของ Coinbase และ Robinhood เพราะมันใช้งานง่ายกว่า
“เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่ทำให้ผู้คนเข้าถึงคริปโตเคอร์เรนซีได้มากขึ้นแต่เพื่อทำให้คริปโตเคอร์เรนซีและเทคโนโลยี Blockchain เป็นสิ่งที่จับต้องได้และเข้าถึงได้ง่ายกว่าและเราคาดว่าแพลตฟอร์มนี้จะมีผู้ใช้งานถึง 1 ล้านคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
นาย Finman ลงทุนไปกว่า 100,000 ดอลลาร์เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม
เขาได้เปิดตัว CoinBits ไปเมื่อเดือนเมษายนซึ่งเขาได้ลงทุนไปเป็นเงินจำนวนกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
วิธีการทำงานของมันคือ CoinBits จะคำนวณการซื้อขายผ่านทางบัตรเครดิตและบัตรเดบิตคุณโดยอัตโนมัติเป็นดอลลาร์และลงทุนใน Bitcoin ให้นอกจากนี้แพลตฟอร์มยังมีตัวเลือกในการลงทุนต่อครั้งได้ (one-time investment) โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าบัญชีให้ตรงกับโปรไฟล์ความเสี่ยงทางการเงิน
“90% ของ Bitcoin จะถูกเก็บไว้ใน Cold Storage กล่าวคือไม่ได้เก็บไว้แบบออนไลน์ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการถูกแฮ็คน้อยลง”
การใช้งานของแอปพลิเคชั่นจะมีความคล้ายคลึงกับแอปพลิเคชั่นอย่าง Acorns และ Stash ที่จะลงทุนแบบ Spare Change จากบัตรเดบิตและบัตรเครดิตของคุณ
นาย Finman กล่าวว่าเขาต้องการให้ CoinBits เป็น “the Acorns of bitcoin” และต้องการให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงคริปโตได้มากขึ้น
“ผมคิดว่าในตลาดคริปโตทุกวันนี้ทุก ๆ บริษัทต้องการทำให้ Bitcoin เข้าถึงหรือใช้งานได้ง่ายมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครสามารถทำให้เป้าหมายตรงนี้สำเร็จได้”
เรื่องราวของ Erik กลายมาเป็นตำนานของคริปโต
นาย Erik Finman ไม่ใช่คนที่อยู่ ๆ ลงทุนใน Bitcoin แล้วกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน เริ่มแรกเขาได้นำเงิน 1,000 ดอลลาร์จากที่ยายเขาให้ไปซื้อ Bitcoin เมื่อเขาอายุเพียง 12 ปี ซึ่งในตอนนั้นราคา Bitcoin อยู่ที่ 12 ดอลลาร์ต่อเหรียญเท่านั้น พอเขาอายุ 18 ปี ราคา Bitcoin พุ่งสูงมาก ทำให้เขาได้กลายเป็นเศรษฐีในทุกวันนี้
นาย Finman คือหนึ่งในคนที่เชื่อว่า Bitcoin จะกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ในอนาคต แต่การลงทุนนั้นมีความเสี่ยงซึ่งก็มีตัวอย่างของผู้ที่ลงทุนแล้วสูญเสียเงินไปจำนวนมากอย่างนาย Peter McCormack ที่สูญเงินไปกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นาย McCormack สูญเงินจำนวนดังกล่าวไประหว่างช่วงสภาวะตลาดหมี ซึ่งเขาเริ่มลงทุนในปี 2016 ซึ่งเขาลงทุนไป 5,000 ปอนด์หรือประมาณ 6,400 ดอลลาร์สหรับ หลังจากนั้นบริษัทโฆษณาที่ตั้งอยู่ในลอนดอนของเขาก็ถูกสั่งปิด
เมื่อราคามันวิ่งสูงขึ้น เขาก็เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มทันทีในขณะที่มูลค่าของ Bitcoin ที่เขาถืออยู่กับตัวตอนนั้นทั้งหมดมีมูลค่ากว่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2017 เขายอมรับว่าตอนนั้นเขาหลงไปกับช่วงเงินเฟ้อของ Bitcoin และหากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะนำเงินลงทุนออกมาก่อนที่จะขาดทุนหนักเช่นนี้
นาย Craig Wright ฟ้องร้องนาย Peter McCormack
ในปี 2017 ราคา Bitcoin พุ่งสูงกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้พอร์ตฟอลิโอของ McCormank พุ่งสูงกว่า 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สื่อโซเชียลก็ได้เผยแพร่ถึงราคาที่พุ่งสูงเช่นนี้ของ Bitcoin ออกไปอย่างแพร่หลาย นักลงทุนมือใหม่คนอื่น ๆ ก็วิ่งเข้ามาในตลาดแต่ขาดทักษะการบริหารเงินก็รวยอย่างรวดเร็วซึ่งนาย McCormack ยอมรับว่าเขาใช้เงินอย่างประมาท
ในทุกวันนี้นาย Peter McCormack ได้เงินคืนกลับมาแล้วแต่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างประหยัดและมีสติมากขึ้นและก็เป็นผู้สื่อข่าว
หากคุณคุ้น ๆ ชื่อของนาย McCormack บ้างก็อาจจะมาจากนาย Craig Wright ที่อ้างว่าตนคือ Satoshi Nakamoto ได้ฟ้องร้องนาย McCormack ว่าใส่ร้ายเขาและเรียกเขาว่าคนหลอกลวงเมื่อเดือนเมษายนซึ่งนาย Wright ได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทต่อนาย McCormack เรียกค่าเสียหาย 100,000 ปอนด์ หรือประมาณ 130,000 ดอลลาร์
ที่มา CCN
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น