ก่อนหน้านี้ มีการประโคมข่าวและกระแสจากสื่อทั่วโลกว่า Ethereum นั้นมีแผนที่จะปรับ Algorithm จาก Proof of Work ไปเป็น Proof of Stake แต่ก็ยังไม่ได้มีวัเวลาที่ระบุอะไรแน่ชัดทั้งนั้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ในตรอบนี้ได้มีการระบุอย่างเป็นทางการออกมาแล้วว่าจะเป็นวันไหน
จะเปิดตัววันไหน?
อ้างอิงจากแหล่งข่าว Trustnodes ได้มีการเผยว่า Phase Zero ของ Ethereum 2.0 ที่จะทำให้เครือข่ายสามารถเริ่มทำระบบ Proof of Stake (PoS) ได้แล้วนั้นถูกวางแผนให้เริ่มในวันที่ 3 มกราคม 2020 คิดเป็นอีกประมาณ 7 เดือนต่อจากนี้
ใน 7 เดือนต่อจากนี้ นั่นก็คือวันที่ 3 มกราคม จะถือว่าเป็นวันที่ Block แรก หรือ Genesis Block ของ Bitcoin ถือกำเนิดขึ้นมาพอดีเป็นปีที่ 11 นาย Justin Drake นักวิจัยของ Ethereum 2.0 ได้ระบุว่า วันเกิดครบรอบปี 11 ของ Bitcoin นั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่พวกเขาเลือกวันนั้นเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ Ethereum นั่นเอง
เขาได้กล่าวว่า การดำเนินงานต่าง ๆ ของ Ethereum 2.0 นั้นเป็นไปตามแผนสำหรับ Phase Zero และพวกเขาได้ตั้งเป้าไว้ 2 อย่าง อันดับแรก ใน Phase Zero นั้น เครือข่าย Ethereum จะมีการเปิดให้สามารถฝาก Contract ได้ก่อนที่จะเปิดตัว Genesis Block จริง ซึ่งจะทำให้ Validators สามารถฝาก Ethereum ไว้ Stake รอในเครือข่ายก่อนได้ และพวกเขาก็คาดหวังวา่จะมีการฝาก Ethereum อย่างน้อย 2 ล้าน ETH
จากนั้นจะทำการเฉลิมฉลองที่ Devcon ประเทศญี่ปุ่น และไปทำการตกลงว่า จะฝากไว้ที่ adddress ไหนดี ถึงจะเกิดความเสียหายจากการ Scam น้อยที่สุด
อันดับที่สอง ทีมนักพัฒนาได้คาดหวังว่า Genesis Block จะสามารถเปิดตัวได้ในวันที่ Satoshi Nakmoto เปิดตัว Bitcoin เช่นกัน โดยวันที่เปิดตัวนั้นจะเป็นเวลาเพียงไม่นานหลังจากคริสมาส และปีใหม่ ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ของ Ethereum
ด้วยลำดับเหตุการณ์นี้ พวกเขาจะมีเวลาเปิดให้ฝาก Contract ได้เป็นเวลา 3 เดือน และทีมนักพัฒนาจะมีเวลาประมาณ 7 เดือนสำหรับการสร้าง Client ที่ ‘ใช้งานได้’
นาย Drake ได้ขยายความในส่วนของ Client ว่า การที่จะพิจารณาว่ามันใช้งานได้หรือไม่นั้น ต้องดูว่า Client นั้นสามารถทำงานได้ดีบน Testnet หรือไม่ และมีการทดสอบ, ตรวจสอบ และการยืนยันอย่างเป็นทางการ รวมทั้งไม่ได้มีบั๊กเป็นระยะเวลาหนึ่งตามที่กำหนดไว้ด้วย
นาย Vitalik Buterin ผู้สร้าง Ethereum ก็ได้ชี้แจงเช่นกันว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้จะเหมือนกับการเปิดตัว Ethereum 1.0 ที่มีการทดลองอย่างยาวนานบน Testnet, ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย และไม่มีบั๊กเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ในปัจจุบัน มี Client สำหรับ Ethereum 2.0 ที่กำลังทดสอบอยู่บน Testnet ประมาณ 3 ตัว แต่ใช้ Client Nodes อันเดียวกันอยู่ ในการทดสอบลำดับต่อไป พวกเขาจะทำการทดสอบด้วย Cross-Client บน Testnet
นาย Jonny Rhea นักพัฒนา Ethereum ที่ PegaSys ได้เผยว่า นาย Joseph Lubin ผู้ร่วมก่อตั้ง ConsenSys ได้ทุ่มเงินซื้อ Client มากมายเพื่อมาทำการทดสอบเช่นกัน
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ อาจชี้ได้ว่า Ethereum 2.0 นั้นใกล้ที่จะเสร็จสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว และจะเริ่มดำเนินการสำหรับการเปิดตัวใน Devcon วันที่ 8-10 ตุลาคมนี้
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?
อย่างที่เราทราบกันดีว่า Ethereum 2.0 นั้นจะเริ่มเอนเอียงไปยัง Proof of Stake มากขึ้น ทำให้นักขุด ETH นั้นต้องเปลี่ยนวิธีการได้เหรียญมาอย่างแน่นอน เพราะยังไม่เป็นที่แน่ชัดเช่นกันว่า การขุด ETH ใน Phase Zero ของ Ethereum 2.0 นั้นจะยังได้รางวัลหรือ ETH เป็นผลตอบแทนอยู่หรือไม่ แต่ที่แน่ชัดคือ หากนำ Ethereum ไป Stake ในระบบ จะได้รับเป็นรางวัลคล้ายกับการขุดเหรียญกลับมาแน่นอน
การที่ Ethereum หันไปใช้ Proof of Stake นั้นก็มีเหตุผลมากมาย แต่เหตุผลหลัก ๆ คือมันจะสามารถทำให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เช่น การขุดเหรียญ ETH จะไม่ใช้เครื่องขุดให้เปลืองพลังงานอีกต่อไป แต่จะใช้การเปิด Client บน PC ธรรมดา ๆ ก็ได้รับเหรียญแล้ว หรือการที่สามารถทำระบบ Sharding ได้ ทำให้มีประสิทธิภาพในการประมวลผลธุรกรรมเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้ลดปัญหาเรื่องการ Scaling ลงได้
และในช่วงแรกจะยังไม่ได้เปิดการใช้งาน Sharding แบบเต็มรูปแบบ แต่จะเป็นการเตรียมตัวเพื่อสำหรับอีกประมาณ 2 ปีต่อไป ที่จะเปิดใช้งาน Sharding อย่างจริงจัง ซึ่งต้องรอดูว่าในปีหน้ามีความคืบหน้าอย่างไร
ก็ยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดหรือสรุปออกมาได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับ Ethereum 1.0 เพราะนักพัฒนาเองก็ยังหารืออยู่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่า รางวัลของการขุด Ethererum จะลดลงเหลือ 0.6 ETH และผู้ที่เป็น Validaors ด้วย Proof of Stake จะได้รับรางวัล 0.22 ETH ต่อ Blocks ทำให้เหมือนกับเป็นการ Havling ไปในตัว เพราะ Supply ของ Ethereum ที่ปล่อยออกมาสู่ระบบจะน้อยลงมาก ๆ นั่นเอง แต่ยังไม่มีการยืนยันตัวเลขที่แน่ชัด
ในต้นปีหน้า ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า Ethereum จะสามารถทำการอัปเกรดที่ถือว่าเป็นครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของ Blockchain สาธารณะในรอบหลายปีได้หรือไม่ หากได้จริง ในแง่ของการใช้งาน การทำธุรกรรมแล้วก็คงดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ในแง่ของราคานั้น อาจจะเพิ่มหรือลดก็เป็นได้ แต่ถ้ามี Supply น้อยลงจริง ๆ ก็คงคล้าย Bitcoin ที่มีมูลค่าโดยรวมเพิ่มขึ้น
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น