ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกากำลังจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังชะลอตัวเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา
ทั่วโลกต่างเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ทางประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ก็สร้างแรงกดดันทางการเมืองแก่ธนาคารกลางของสหรัฐ ฯ ว่าเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปและผลักดันให้ทางธนาคารกลางออกมาตรการที่สนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่านี้ ตามทวิตเตอร์ด้านล่าง:
Despite a Federal Reserve that doesn’t know what it is doing – raised rates far too fast (very low inflation, other parts of world slowing, lowering & easing) & did large scale tightening, $50 Billion/month, we are on course to have one of the best Months of June in US history…
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) June 24, 2019
ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ธนาคารกลางได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วและถึงแม้ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25 – 2.5% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน แต่ความเห็นจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางในสัปดาห์นี้เห็นว่าควรที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ประธานของธนาคารกลางนาย Jerome Powell ได้ออกมากล่าวว่า:
“สถานการณ์ทั่วโลกในตอนนี้เราได้เผชิญกับการค้าที่อยู่ในสภาวะไม่แน่นอน ข้อมูลรายได้ที่น่ากังวลซึ่งแสดงถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ”
นอกจากนี้ยังมีข่าวออกมาว่าทางรัฐบาลกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยลงด้วยในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งนาย Powell ก็ได้ออกมายืนยันด้วยตนเอง
เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
การออกนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือนโยบายทางการเงินอื่น ๆ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์กับการเทรด Bitcoin กับเงินดอลลาร์สหรัฐ
นาย Jim Reid นักยุทธศาสตร์การวิจัยสินทรัพย์ของธนาคารแห่งชาติเยอรมันได้ออกมากล่าวใน CNBC ว่าราคา Bitcoin ที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงด้วย เมื่อมาตรการทางการเงินต่าง ๆ จากทางธนาคารกลางมันส่งผลกระทบเช่นนี้ยิ่งทำให้เงินทางเลือกหรือคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Bitcoin ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
คริปโตจะกลายมาเป็นคู่แข่งของเงินกระดาษในที่สุด
ทั้งนี้นาย Jim Reid ได้เป็นผู้สนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซีมานานแล้ว เขาได้กล่าวไว้ก่อนที่ราคา Bitcoin จะพุ่งไปถึง 20,000 ดอลลาร์ในปี 2017 เสียอีกว่าเงินเสมือนหรือคริปโตเคอร์เรนซีควรได้รับการสนับสนุนและถูกนำไปใช้งานทั่วโลกเพราะคนเริ่มที่จะไม่ศรัทธานโยบายทางการเงินของธนาคารกลางแล้ว
“แม้ในตอนนี้การที่กำไรมันเพิ่มสูงขึ้นนั้นน่าจะมีสาเหตุมาผู้คนชื่นชอบในตัวเทคโนโลยี Blockchain มากกว่าที่จะหมดศรัทธาในเงินกระดาษ แต่ในอนาคตข้างหน้าผู้คนจะเริ่มมองหาตัวกลางที่มีความสากลและกลายมาเป็นคู่แข่งกับเงินกระดาษในที่สุด” นาย Jim Reid กล่าว
ที่มา cryptoglobe
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น