ระดับความยากของการขุดเหรียญ Bitcoin นั้น เป็นเครื่องมือในการวัดความยากง่ายในการขุด Block ข้อมูลของตัวสกุลเงินคริปโตสำเร็จเป็นคนแรกในเครือข่าย Blockchain ซึ่งระดับดังกล่าวนั้นขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 12 เดือนเมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง BTC.com นั้นจะพบรายละเอียดซึ่งความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เดือนกรกฎาคมนี้ได้ความว่าระดับความยากของการขุดในคาบเวลาสองสัปดาห์นั้นเพิ่มขึ้นจาก 7.93 T ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาไปสู่ 9.06 T ซึ่งคิดเป็นการเปลี่ยนแปลงกว่า 14.23 % มากที่สุดในรอบปีเลยทีเดียวรับแค่ช่วงเดือนสิงหาคมปี 2018
ทั้งนี้ระบบเครือข่าย Blockchain นั้นได้ถูกออกแบบมาให้มีการปรับยกระดับความยากของการขุดสกุลเงินคริปโตนั้นๆขึ้นในทุกๆการขุด Block ข้อมูลจำนวน 2,016 Block ซึ่งระยะเวลาในแต่ละรอบนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของการขุดที่เกิดขึ้นในระบบนั่นเองเพื่อเป็นการควบคุมปริมาณอัตราการขุด Block ให้อยู่ในระดับที่พอดีนั่นเอง พูดง่ายๆคือหากมีนักขุดมากระดับความยากจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นแต่จะเกิดผลในทางกลับกันหากจำนวนนักขุดน้อยลงนั่นเอง
โดยในขณะนี้นั้นได้มีการแข่งขันท่ามกลางเหล่านักขุดอย่างดุเดือดส่งผลให้ระดับความยากของการขุดนั้นพุ่งขึ้นอย่างมาก โดยมีการคาดการณ์ว่าในช่วงของการปรับระดับความยากครั้งต่อไปนั้นอาจมีระดับสูงถึง 10.35 T เลยทีเดียว ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 14.17%
ทั้งนี้ระดับของพลังการประมวลลในระบบนั้นก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากที่สุดในรอบปีสำหรับช่วงคาบเวลาสองสัปดาห์เช่นเดียวกัน โดยในช่วงวันที่ 5 ที่ผ่านมานี้ได้ขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 74.5 ล้านล้านล้านแฮชต่อวินาที (EH/s) ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากฟาร์มการขุดซึ่งดำเนินการอยู่ในประเทศจีนที่คิดเป็นปริมาณครึ่งหนึ่งของตลาดการขุดเหรียญของโลกซึ่งใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาหน้าฝนนี้ซึ่งส่งผลให้ไฟฟ้าพลังงานน้ำนั้นราคาถูกลงอย่างมากนั่นเอง
ระดับความยากของการขุดนั้นลดลงสูงสุดในช่วงปีที่แล้วจากสภาวะของตลาดที่ซบเซา ซึ่งลดลงไปกว่า 30% ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม และได้ขึ้นมาในระดับปัจจุบันเมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้เอง ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าระดับดังกล่าวนั้นยังไม่สามารถตามการเพิ่มขึ้นของระดับราคาได้ทัน โดยเทียบกับในช่วงตลาดขาขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2017 นั่นเอง
อ้างอิงจากข้อมูลด้านราคาของ Bitcoin จากเว็บไซต์ชื่อดัง Coindesk ราคา BTC นั้นพุ่งขึ้นกว่า 400% ในช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนธันวาคมของช่วงปี 2017 โดยเวลาในช่วงเดียวกันนั้นระดับพลังการขุดในระบบนั้นได้พุ่งสูงขึ้นกว่า 200% ด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของช่วงราคาในต้นปีนี้กว่า 300% นั้นกลับมีระดับพลังการขุเในระบบเพิ่มขึ้นเพียง 100% เท่านั้น
เหตุผลเบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอาจเป็นไปได้ว่ามีที่มาจากการที่เหล่าอุปกรณ์การขุดใหม่ๆนั้นไม่มีการผลิตเพิมขึ้นเพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากการที่ผู้ผลิตอุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถขยายการผลิตเพิ่มขึ้นได้อีกมากนักเพราะเหตุที่ชิปเซมิคอนดักเตอร์นั้นขาดตลาดนั่นเอง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น