<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ธนาคารกลางกับ Cryptocurrency: ศัตรูตลอดกาล หรือมิตรภาพในอนาคต?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักลงทุนและผู้ประกอบการทั่วโลกต่างแปลกใจจากการตอบรับจากของธนาคารกลางในหลายประเทศต่อเหรียญ Libra ของ Facebook 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จากทั่วทั้งประเทศของกลุ่ม G7 ต่างมีความกังวลเกี่ยวกับเหรียญ Libra และต้องการความชัดเจนก่อนที่จะไฟเขียวให้นำเหรียญ Libra มาใช้ในประเทศ และต่างต้องการเส้นแบ่งกั้นระหว่างเงินเฟียตกับคริปโตเคอร์เรนซี

นาย Steve Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้พูดเปรย ๆ ว่าเหรียญ Libra นั้นคงจะไม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้งานจากฝ่ายกฎหมายของสหรัฐ ฯ ง่าย ๆ และประธานธนาคารแห่งชาติอังกฤษนาย Mark Carney ก็ได้เห็นไปในทิศทางเดียวกัน

และล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งฝรั่งเศสนาย Bruno La Maire ก็ได้ให้สัมภาษณ์และกล่าวเน้นย้ำอย่างชัดเจนว่า Libra จะไม่มีทางเป็นสกุลเงินที่มีอำนาจอธิปไตยเด็ดขาด

ประเทศสิงคโปร์

ความสัมพันธ์ระหว่างคริปโตเคอร์เรนซีกับธนาคารกลางเป็นอะไรที่น่าจับตามอง ในตอนนี้โปรเจ็ค Ubin ที่สร้างขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างธนาคารกลางของประเทศสิงคโปร์และสถาบันการเงินชื่อดัง HSBC, JP Morgan และ Bank of America Merrill Lynch นอกจากนี้ยังมีการออกใบอนุญาตให้ประกอบการแก่ธนาคารดิจิทัลอีกด้วย

โดยโปรเจ็ค Ubin นี้อย่างที่ได้กล่าวไปคือเกิดจากความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งชาติสิงคโปร์และ HSBC, JP Morgan และ Bank of America Merrill Lynch โดยจุดประสงค์ในการสร้างโปรเจ็คก็เพื่อสำรวจเทคโนโลยี Blockchain ว่าจะนำมาใช้กับการชำระเงินระหว่างธนาคารแล้วมันจะทำให้กระบวนการต่าง ๆ กระชับลงและรวดเร็วมากขึ้นหรือไม่ รวมถึงจะทำให้ข้อมูลส่วนตัวมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นหรือไม่ด้วย

อันที่จริงแล้วโปรเจ็คนี้ก็สร้างขึ้นเพื่อจะสำรวจการทำเงินดอลลาร์สิงคโปร์ให้เป็นเหรียญโทเค็นแล้วดูว่ามันจะสามารถนำมาใช้สำหรับการชำระหนี้ระหว่างธนาคารในแต่ละวันได้หรือไม่ ซึ่งโปรเจ็คก็ได้รับความร่วมมือจาก Bank of Canada ด้วย โดยจะเข้ามาช่วยในเรื่องของการพิจารณาดูว่าระบบสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อนำไปใช้กับการชำระเงินระหว่างประเทศได้หรือไม่

คำถามคือถ้าระบบมันเวิร์คแล้วบทบาทของธนาคารกลางในด้านนี้จะเป็นเช่นไรต่อ ? ทางประเทศสิงคโปร์ก็เพิ่งจะออกใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจการธนาคารให้กับธนาคารดิจิทัลใหม่อีก 5 แห่ง

ดูเหมือนว่าภาคการเงินในประเทศสิงคโปร์จะเปิดเสรีมากขึ้นและอนุญาตให้ประกอบการด้านการเงินในรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งก็เป็นการเปิดประตูสำหรับผู้เล่นในตลาดที่มีความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เข้ามาในประเทศสิงคโปร์มากยิ่งขึ้นเพราะบรรยากาศและกฎหมายที่ไม่ได้ปิดกั้นของประเทศสิงคโปร์

สงครามเย็นระหว่างธนาคารกับคริปโตเคอร์เรนซีก็เริ่มดูแผ่วลงแล้ว การร่วมมือกันระหว่างทั้งสองภาคก็ดูเริ่มจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นในประเทศสิงคโปร์ ในตอนนี้ก็สามารถพูดได้ว่าสิงคโปร์นั้นเปรียบเสมือนศูนย์กลางที่สำคัญของคริปโตเคอร์เรนซีและบริษัท Fintech 

ที่มา cryptoglobe

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น