มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะตกใจกับราคา bitcoin ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ในทุก ๆ วัน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาราคา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 ภายในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วัน นับแต่นั้นเป็นต้นมาราคา BTC ก็เริ่มสูญเสียมูลค่ามากกว่า 1,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อย ใช่มันเป็นตลาดที่ผันผวนอย่างมาก
แต่เมื่อคุณค่อย ๆ ซูมกราฟออกในมุมมองกว้าง ๆ คุณจะเห็นภาพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น กราฟนี้ถูกวาดโดยนาย Willy Woo นักวิเคราะห์กราฟแบบ on-chain ซึ่งเขาได้ทำนายจุดเข้าซื้อ bitcoin ที่ดีที่สุดในระยะยาว
เขาได้ใช้ indicator ที่เรียกว่า ‘ribbon difficulty’ วางเทียบลงไปในกราฟ bitcoin ระยะยาว ซึ่งมันได้ทำนายช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อ bitcoin ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
Introducing the Bitcoin Difficulty Ribbon. When the ribbon compresses, or flips negative, these are the best time to buy in and get exposure to Bitcoin. The ribbon consists of simple moving averages on mining difficulty so we can easily see the rate of change in difficulty. pic.twitter.com/6kBz4sLG1d
— Willy Woo (@woonomic) August 1, 2019
ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณจะเข้าสู่ตลาด FOMO คุณควรจะดูกราฟนี้ก่อนตัดสินใจ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อ bitcoin?
จากการวิเคราะห์ของ Willy Woo ช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการสะสม bitcoin ก็คือเมื่อ ‘ribbon difficulty’ ถูกบีบตัวจนบางมาก ๆ หรือม้วนตัวกลับเป็นเชิงลบ (เมื่อเส้นที่แข็งแกร่งม้วนกลับมาหาเส้นที่อ่อนแอ) ดังภาพที่แสดงด้านล่าง
indicator ตัวนี้ได้ทำนายอย่างถูกต้องแม่นยำ เมื่อราคา bitcoin อยู่จุดต่ำสุดในช่วงท้ายปี 2018 ถึงต้นปี 2019 ดังนั้นนักลงทุนที่ฉลาด ๆ จะเริ่มสะสม bitcoin ณ จุดนี้ (กองทุน hedge funds หลายเจ้าได้เข้าซื้อที่ตรงนี้)
มันคือข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่มีอายุกว่าสิบปีดังคำสุภาษิตที่ว่า ให้คุณเข้าซื้อเมื่อมีเลือดสาดกระจายไปทั่วท้องถนน ซึ่งหมายความว่าให้คุณเข้าซื้อสินทรัพย์เมื่อคนอื่นต่างกลัวและเทขายจงโลภเมื่อพวกเขากลัว
ribbon difficulty คืออะไร ?
กราฟริบบิ้นจะเคลื่อนที่เฉลี่ยสัมพันธ์กับการขุดเหมือง ทำให้เราเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของค่าความยากในการขุด bitcoin นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าการขุด bitcoin นั้นส่งผลต่อราคา BTC อย่างไร ตามที่ Willy Woo อธิบาย :
“ เมื่อเหรียญใหม่ถูกขุดขึ้นมานักขุดจะเริ่มขายเหรียญบางส่วนเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในการผลิต สิ่งนี้ทำให้เกิดแรงกดดันด้านราคา นักขุดที่อ่อนแอจะเทขายเหรียญมากขึ้นเพื่อให้พวกเขาดำเนินการต่อไปได้และเมื่อมันกลายเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนพวกเขาก็ต้องยอมจำนนต่อกำลังขุดและค่าความยากในการขุดก็จะลดลง (การบีบตัวของเส้นริบบิ้น) ทำให้เหลือแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่ เมื่อคนที่เทขายเริ่มน้อยลงพื้นที่ในห้องก็จะมีมากขึ้นสำหรับการเคลื่อนไหวของราคาในแนวโน้มขาขึ้น”
Miners capitulate in bears, but also during block reward halvening events when suddenly only half the coins are mined for the same costs and the market price has yet to catch up to pay for it. See the compression after each halvening (marked as vertical lines) as miners die off. pic.twitter.com/IwRdpJ4DFt
— Willy Woo (@woonomic) August 1, 2019
Bitcoin ยังคงต่ำกว่า $ 12,000
รูปแบบ ribbon difficulty ยังทำนายได้อย่างแม่นยำว่าราคา bitcoin ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 200% หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ $ 13,880 มันจะลดลงต่ำกว่า $ 10,000 ก่อนที่ราคาจะเริ่มวิ่งอีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่เขียนบทความนี้ bitcoin กำลังต่อสู้อย่างหนักกับแนวต้านที่ระดับราคา $ 12,000 นั้นเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเป็นการกลับตัวที่ดี นักเทรด Josh Rager อธิบาย :
“ Bitcoin ทำงานได้โอเค มันจำเป็นต้องมีวันที่ดึงราคากลับลงมา ฉันไม่ได้บอกว่ามันกำลังจะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง มันแค่ต้องการลดลงมาอยู่ใกล้ ๆ กับราคาที่ปิดก่อนหน้านี้ที่ระดับราคา $ 11,000 ตอนนี้เรากำลังจะปิดเทียนแท่งรายสัปดาห์ที่จุดสูงที่สุดในปี 2019 หากมันไม่ปิดราคาต่ำกว่า 11,469 ดอลลาร์ “
หมายเหตุ : การลงทุนในตัวเหรียญ Cryptocurrency มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน และไม่ควรใช้ไอเดียบนบทความนี้ประกอบการลงทุน ทางสยามบล็อคเชน จะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียใดๆในทุกกรณี
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น