เมื่อวานนี้ แม้ว่าราคาของ Bitcoin จะร่วงอย่างรุนแรง หลังจากแตะแนวต้านที่ 11,000 ดอลลาร์ ซึ่งลงไปต่ำกว่าระดับ 10,000 ดอลลาร์
สภาพตลาดของเมื่อวานนี้ดูเหมือนว่าจะมีความรุนแรงและความกลัวอย่างมาก โดยหากดูจากดัชนีวัดความโลภและความกลัวนั้น จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันหันหัวไปที่ตัวเลข 5 ซึ่งถือว่ามีความกลัวในตลาดสูงมาก ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากว่าราคา Bitcoin ในปัจจุบันนั้นอยู่เหนือจุดต่ำสุดของเมื่อปีที่ผ่านมาที่ 300% หรือระดับราคาประมาณ 3,150 ดอลลาร์
แม้ว่าค่าดัชนีดังกล่าวจะดูเหมือนไม่ได้มีความละเอียดอะไรมากนัก แต่หากลองย้อนกลับไปดูช่วงตอนที่ตลาดมาเป็นขาขึ้นในช่วงเมษายนที่ผ่านมา จะเห็นว่าในช่วงนั้นค่าดัชนีได้ชี้เป็น “โลภ” อย่างรุนแรง ซึ่งแตกต่างกับตอนนี้มาก
ผู้สร้างเว็บดัชนีดังกล่าวเผยว่าพวกเขาได้นำเอาตัวแปรอย่างความผันผวนของตลาด, โมเมนตัมของตลาด และโวลลุ่ม, เทรนด์ของ social media, ผลสำรวจ, การควบคุมตลาด และ Google Trends มาใช้วัดดูความกลัวของนักลงทุนในตลาด
ราคา Bitcoin พุ่งกลับมา
ทว่าอย่างไรก็ตามท ราคาของ Bitcoin นั้นได้พุ่งทะยานกลับมาที่ตัวเลข 5 หลักอีกครั้ง หลังจากที่อยู่ใต้ 10,000 ดอลลาร์มาหลายชั่วโมง
รายงานจาก Bloomberg เผยว่าเหรียญดังกล่าวนั้น “จะมีโมเมนตัมผลักดันราคาให้พุ่งสูงขึ้น” ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าก่อนหน้านี้ราคาของมันนั้นได้ร่วงลง “ต่ำกว่าเครื่องมือ GTI Vera Band Indicator ที่ถูกใช้เพื่อวัดเทรนด์ขาขึ้นขาลง” และราคามีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และเมื่อสี่ครั้งที่แล้วหลังจากที่ราคาร่วงต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์นั้น “มันสามารถกลับขึ้นมาได้”
นาย Mike McGlone นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence กล่าวว่า Bitcoin นั้นกำลังเริ่มปูทางเพื่อฟื้นฟูตัวของมันเอง พร้อมชี้ว่า “ความพิเศษของมัน” (อย่างเช่นการถูกมองว่าเป็นตัวเก็บมูลค่าแบบดิจิทัล และทองคำเวอร์ชันดิจิทัล) และรวมถึงความวุ่นวายในระยะเศรษฐกิจมหภาคอาจทำให้มูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้น ซึ่งหลายคนเคยกล่าวไว้ว่าหากสงครามการค้ายังคงมีขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ และหากธนาคารกลางยังคงหยิบยกนโยบายการเงินแปลก ๆ เข้ามาใช้ ก็จะทำให้ Bitcoin มีมูลค่าสูงขึ้นไปอีก
แม้ว่านาย McGlone นั้นจะมอง Bitcoin ว่าจะมีราคาเป็นขาขึ้นระยะกลาง แต่เขาก็ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg TV ว่าเทรนด์ระยะสั้นและระยะยาวของมันนั้นยังคงผสมปนเปกันไปอยู่
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น