<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สองพี่น้อง Winklevoss ผู้เคยฟ้อง Facebook กล่าวธนาคารมองข้ามความสำคัญ Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

พี่น้อง Winklevoss ที่ได้รับขนานนามว่าเป็น ‘ฝาแฝดคริปโต’ แสดงความคิดเห็นว่าตลาดหุ้นวอลสตรีทและสถาบันการเงินหลายแห่งผิดพลาดที่มองข้ามความสำคัญของ Bitcoin ในเศรษฐกิจโลก

พี่น้องทั้งสองเคยมีคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมหาศาลกับนาย Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook โดยทั้งคู่กล่าวหาว่านาย Mark ขโมยไอเดีย ConnectU ของพวกเขาไปสร้างเป็น Facebook ปัจจุบันทั้งคู่ก็ยังคร่ำหวอดอยู่ในวงการธุรกิจโลก ล่าสุดทั้งสองได้ก่อตั้ง Gemini digital exchange และได้ให้สัมภาษณ์เรื่อง Bitcoin กับสำนักข่าว CNN

โดยทาง CNN พาดหัวข่าวในทวิตเตอร์ว่า “นาย Cameron และ Tyler Winklevoss ผู้ก่อตั้งคริปโต Gemini ให้สัมภาษณ์อธิบายสาเหตุที่ Bitcoin เป็นที่นิยมถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงก็ตาม”


ระหว่างการสัมภาษณ์พี่น้องทั้งสองกล่าวถึงสถาบันการเงินในวอลสตรีทว่าโดยรวมแล้วสถาบันเหล่านั้นผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่ไม่สามารถคาดการณ์กระแสนิยมของ Bitcoin ได้ และยิ่งไปกว่านั้นสถาบันเหล่านั้นก็พลาดที่ไม่สามารถหยุดยั้ง Bitcoin ให้ก้าวขึ้นมาเป็น “เงินอินเตอร์เน็ต” ที่คนทั่วไปสามารถซื้อในปริมาณเท่าใดก็ได้

“Bitcoin มีความเสี่ยงแต่มันคืออนาคต”

พี่น้อง Winklevoss เล่าว่าสถาบันการเงิน “กำลังงีบหลับ” และไม่สามารถมองเห็นถึงความสำคัญของ Bitcoin ในขณะที่ Bitcoin ก้าวขึ้นมาเป็นทรัพย์สินในการลงทุนรูปแบบใหม่ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาราคาของ Bitcoin จะไม่มั่นคงและถูกมองว่าอันตราย คู่แฝดแห่งวงการคริปโตยืนยันว่า Bitcoin คืออนาคต

และนอกไปจากนั้นแล้ว Bitcoin อยู่ในตลาดที่มีลักษณะขับเคลื่อนด้วยการซื้อขายแบบปลีก เพราะนักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อในจำนวนเท่าใดก็ได้

“Bitcoin มีลักษณะแบบนี้มาตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวแล้ว” ทั้งคู่กล่าว

ญาติของพวกเราควรลงทุนเงินเกษียณไปกับ Bitcoin ไหม? 

เมื่อผู้สื่อข่าว CNN ถามคู่แฝดว่าสกุลเงินอย่าง Bitcoin น่าเชื่อถือถึงขนาดที่ทั้งคู่จะแนะนำญาติของตนที่กำลังจะเกษียณให้ลงทุนเงินทั้งหมดที่เก็บมาทั้งชีวิตไปกับ Bitcoin ไหม คำตอบของทั้งคู่คือ “คุณต้องตัดสินใจด้วยตนเอง” แต่พวกเขาเสริมว่าถ้า “หาข้อมูลให้เยอะเข้าแล้วพวกคุณจะพบว่ามีสิ่งน่าสนใจมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมัน”

ทั้งนาย Cameron และ Tyler Winklevoss พูดว่า Bitcoin นั้นคล้ายกับทองคำ Bitcoin เป็นทรัพย์สินรูปแบบใหม่และผู้ซื้อจะเป็นใครก็ได้ จะซื้อเท่าใดก็ได้ แตกต่างจากอินเตอร์เน็ตในยุค 90 ทั้งคู่พูดไว้ว่า

“มันไม่เหมือนกับอินเตอร์เน็ตที่ผู้ซื้อไม่สามารถซื้อแบบปลีกได้ เงินอินเตอร์เน็ตนี้สนับสนุนให้ผู้ซื้อเลือกซื้อในจำนวนที่ผู้ซื้อต้องการ”

ที่มา utoday

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น