สมาคมเพื่อการสื่อสารทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก (SWIFT) ซึ่งเป็นระบบที่ธนาคารใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในโลก โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทได้มีการบรรยายเกี่ยวกับหัวข้อ ‘สกุลเงินดิจิทัล’
อ้างอิงข้อมูลจาก FXstreet ที่ระบุว่า SWIFT ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคริปโตเคอร์เรนซี่หรือ Blockchain และไม่ได้มองว่ามันเป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมการเงินในอนาคต ซึ่งตัวแทน SWIFT ไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้และได้ดูถูกสกุลเงินคริปโตอย่าง bitcoin ว่าเป็นสกุลเงินแห่งความผันผวน :
“มูลค่าลดลงอย่างกับ โยโย่ พวกมันไร้ประโยชน์และไม่มีความแน่นอน ถึงแม้ว่าบริษัทคริปโตจะสร้างความเสถียรให้กับพวกมันได้ก็ตาม”
อย่างไรก็ตาม SWIFT ก็ไม่ได้ต่อต้านการคิดริเริ่มสกุลเงินคริปโตไปซะทั้งหมด ตัวแทน SWIFT ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการร่วมลงทุนครั้งแรกของ Facebook ในอุตสาหกรรมคริปโตถือเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อและอาจขัดขวางระบบของธนาคารได้ในระยะสั้น ๆ
Cryptocurrency เร็วกว่าและถูกกว่า Swift
SWIFT ถูกนำไปใช้ในธนาคารหลายแห่งทั่วโลกโดยมีสถาบันการเงินกว่า 11,000 แห่งที่ใช้ระบบการส่งข้อมูลของพวกเขา
อย่างไรก็ตามมันมีเหตุผลว่าทำไม SWIFT และธนาคารอื่น ๆ ถึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ระบบขับเคลื่อนองค์กรที่พัฒนาสืบทอดต่อกันมา (Legacy System) เนื่องจากวิธีการที่ล้าสมัยเหล่านี้ได้ทำให้การส่งข้อมูลในด้านการเงินใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายที่สูง ตัวแทน SWIFT ยอมรับอย่างเปิดเผยถึงความไร้ประสิทธิภาพเหล่านี้โดยกล่าวว่า :
“หากคุณต้องการชำระเงิน [ผ่านทาง SWIFT] จากออสเตรเลียไปยังประเทศจีนหลังเที่ยงธุรกรรมของคุณจะเผชิญกับความล่าช้า 12 ชั่วโมงทันที เพราะว่ามันเป็นเวลาปิดทำการ”
แม้ว่าข้อบกพร่องเหล่านี้จะยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ SWIFT ก็ยังไม่เห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากคริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain
อย่างไรก็ตามเมื่อเราเปรียบเทียบความเร็วในการทำธุรกรรมคริปโตเคอเรนซี่ส่วนใหญ่มันแทบจะทำเสร็จในทันทีและยังไม่รวมถึงเรื่องค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในความเป็นจริงนวัตกรรมที่สร้างจากเทคโนโลยี Blockchain ของบริษัทคริปโตเคอเรนซี่ส่วนใหญ่มักจะใช้พวกมันสำหรับการปฏิวัติระบบการเงินแบบดั้งเดิมอย่างเช่น SWIFT
Ripple และ Stellar ทั้งสองโปรเจคนี้มีเป้าหมายในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการโอนเงินและพวกเขากำลังประสบความสำเร็จ ในปีนี้ Stellar ได้ร่วมมือกับ IBM บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเพื่อสร้าง Worldwire ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินที่ทำงานบน Stellar blockchain โดยมันจะสามารถโอนเงินไปทั่วโลกได้ในราคาไม่แพง
ในขณะเดียวกัน Ripple ได้เซ็นสัญญากับสถาบันธนาคารต่าง ๆ สำหรับโซลูชั่นการชำระเงินข้ามพรมแดนที่หลากหลาย เมื่อเดือนที่แล้ว Ripple ได้ร่วมมือกับ PNC ซึ่งเป็นบริษัทธนาคารยักษ์ใหญ่และมันได้กลายเป็นธนาคารแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาที่ใช้เครือข่ายการชำระเงินของ Ripple
แม้ว่า Bitcoin จะไม่ใช่ คริปโตเคอเรนซี่ที่ทำธุรกรรมเร็วที่สุด แต่ Bitcoin ยังคงเป็นวิธีการโอนเงินที่ประหยัดค่าธรรมเนียมมากกว่าเมื่อเทียบกับระบบการโอนแบบดั้งเดิม
ในสัปดาห์นี้มีการโอนเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านคริปโต โดยมันมีค่าธรรมเนียมเพียง 700 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นอัตราค่าธรรมเนียมในระดับพรีเมี่ยม ดังนั้นหากเราโอนแบบธรรมดามันจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
ที่มา : cryptoglobe
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น