อ้างอิงจากข้อมูลซึ่งนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Plan-B ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมานี้ ข้อมูลจากสถิติดังกล่าวประกอบไปด้วยการผสมผสานระหว่างอัตราราคาของ Bitcoin ต่างๆ ในช่วงที่อัตราความยากของการขุดนั้นลดลงต่ำสุดในแต่ละช่วง ประกอบกับปริมาณของ Block ในระบบของแต่ละช่วงความยากต่ำสุดที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้อัตราความยากของการขุดนั้นคือ อัตราซึ่งกำหนดความยากในการไขรหัสให้นักขุดนั้นไม่สามารถขุดได้มากไปกว่าที่ระบบตั้งไว้ได้ ซึ่งระบบนั้นจะเพิ่มความซับซ้อนของสมการทางคณิตศาสตร์ให้มากขึ้นสำหรับการขุดแต่ละ Block ซึ่งเกิดขึ้นในระบบ
อัตราดังกล่าวนั้นยังเป็นตัวชี้วัดอย่างดีสำหรับอัตราการแข่งขันระหว่างนักขุดด้วยกันภายในระบบ ซึ่งความยากนั้นจะเพิ่มขึ้นตามอัตราการแข่งขัน ยิ่งการแข่งขันในขณะนั้นเข้มข้นมากเท่าไหร่ ระบบจะยิ่งมีแนวโน้มที่จะปรับความยากของการไขสมการให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อเราพิจารณาข้อมูลสถิตตามที่ Plan-B ได้ออกมากล่าวแล้วจะพบว่าช่วงเวลาในอดีตที่ผ่านมานั้น อัตราความยากของการขุดนั้นมีรูปแบบการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาที่คล้ายคลึงกันหลายครั้ง โดยในแต่ละครั้งที่ราคาเพิ่มขึ้นนั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากช่วงที่อัตราความยากของการขุดต่ำสุดครั้งก่อนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
จากภาพนั้นจะเห็นว่าช่วงปลายปี 2013 ซึ่ง Bitcon นั้นมีราคาอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์นั้นมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคากว่า 50,000% ต่างจากช่วงซึ่งอัตราความยากของการขุดลดต่ำสุดครั้งหลังอย่างในช่วงปลายปี 2017 ซึ่งราคานั้นได้ขึ้นไปแตะ 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ 9,000% นั่นเอง
จากรูปแบบการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อัตราราคาของ Bitcoin นั้นจะเพิ่มขึ้นไปมากถึง 1,000% ซึ่งจะอยู่ที่ราคา 31,000 ดอลลาร์ภายในปี 2021 โดยพิจารณาตั้งแต่ในช่วงที่อะตราความยากของการขุดนั้นลงต่ำสุดในช่วงเดือนธันวาคมของปี 2018 ซึ่งขณะนั้นมีราคาอยู่ที่เพียง 3,100 ดอลลาร์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าอัตราความยากของการขุดนั้นจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามอัตราการแข่งขันในตลาดที่กำลังดุเดือด แต่การเปลี่ยนแปลงของช่วงราคาของเหรียญเองนั้นยังคงไม่ชัดเจน หรือที่หลายคนเรียกกันว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบไซด์เวย์เท่านั้น
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น