นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมของปีนี้แรงขุดบนเครือข่าย Bitcoin พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยแรงขุด Bitcoin ได้เพิ่มขึ้นจาก 63.79 EH/s ไปเป็น 102.85 EH/s ในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ด้วยแรงขุดเพิ่มขึ้นมหาศาลในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้คนต่างกำลังให้ความสนใจกับการขุด Bitcoin อย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันเหตุการณ์ Halving ได้กำลังใกล้เข้ามาทุกที ซึ่งมันเหลือเวลาน้อยกว่าหนึ่งปีแล้วในขณะนี้
แรงขุดพุ่งแตะตัวเลข 3 หลัก
ในวันนี้ไม่มีอะไรที่สามารถหยุดยั้ง Bitcoin ได้ แรงขุด Bitcoin ได้พุ่งทะลุ 100 EH / s และกำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแรงขุด Bitcoin ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เหตุการณ์ Halving มีการพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในชุมชนคริปโต ซึ่งดูเหมือนว่านักขุดเหมือง Bitcoin จำนวนมากได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขุดก่อนที่จะมีเหตุการณ์ Halving เกิดขึ้น
ด้วยเหตุการณ์ Halving ที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที ความสนใจในการขุด Bitcoin และความสนใจของหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก ดูเหมือนจะกลายเป็นพายุที่กำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่มีการประกาศเปิดตัว Libra ของ Facebook มันก็ได้มีการตรวจสอบกฎระเบียบข้อบังคับอย่างเข้มงวดและผู้คนก็พุ่งเป้าความสนใจไปยังเหรียญ Libra แทน Bitcoin
เพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครือข่ายความปลอดภัย
แรงขุด Bitcoin บนเครือข่ายถือว่าเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของเครือข่ายแบบกระจายอำนาจ เนื่องจากมันแสดงให้เห็นว่าเครือข่ายมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น เมื่อแรงขุดจำนวนมากไหลเข้ามาสู่กระบวนการผลิตบล็อก นอกจากนี้มันยังทำหน้าที่เป็นหลักฐานแสดงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นรอบ ๆ ตัวของ Bitcoin อีกด้วย
โดยยิ่งเครือข่ายมีแรงขุดมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งยากที่จะโจมตีด้วย 51 percent attack ซึ่งในปัจจุบันมีต้นทุนค่าใช้จ่ายประมาณ 177 พันดอลลาร์เหรียญสหรัฐเพื่อซื้อแรงขุดที่เพียงพอสำหรับการโจมตีเครือข่าย Bitcoin นั่นหมายความว่าไม่มีบุคคลใดสามารถทำสิ่งนี้ได้ เว้นแต่จะเป็นบริษัทหรือรัฐบาล
Bitcoin มีพัฒนาการที่ดีมาโดยตลอดในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่ที่ราคาของมันได้ลงไปแตะจุดต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2018 เครือข่าย Bitcoin ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดของเหรียญอื่น ๆ ได้เกือบทั้งหมด
รูปแบบการรักษาความปลอดภัยของ Bitcoin ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับแรงขุด โดยแรงขุดจำนวนมหาศาลที่ไหลเข้ามาในเครือข่าย มันจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่าย และทำให้การโจมตีมีโอกาสน้อยลง
ที่มา : btcmanager
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น