สำนักข่าว Dailyhodl รายงานว่านาย Anthony Pompliano หรือ “Pomp” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Morgan Creek Digital แสดงความคิดเห็นว่าเหรียญ Bitcoin จะมีบทบาทและความสำคัญมากขึ้นเพราะ Bitcoin มีลักษณะเป็นคริปโตเคอเรนซี่ที่ต้านสถานะเงินเฟ้อและการควบคุมของรัฐบาล
นาย Pompliano ให้เหตุผลว่าปัจจัยทั้งสองตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในวิกฤตของฮ่องกงและอินเดีย เพราะในตอนนี้การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงก็มีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ตู้เอทีเอ็มในฮ่องกงถูกถอนเงินออกมาจนหมด บัญชีธนาคารกว่าพันบัญชีถูกยึด ส่วนในอินเดียเกิดข่าวลือว่าธนาคาร PMC เกี่ยวข้องกับการทุจริตทำให้ประชาชนแห่กันไปถอนเงิน เขากล่าวไว้ว่า
“ผมค่อนข้างเชื่อมั่นว่าผู้คนกำลังมองหาบางอย่างที่ไม่สามารถโดนควบคุม ตรวจจับ ขัดขวาง ลดค่าเงิน หรืออะไรอีกมากมาย เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าคนจะเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินที่ไม่ถูกรัฐบาลควบคุมอย่างช้าๆ ในตอนแรก แต่มันจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ”
“Bitcoin มอบสิ่งเหล่านั้นให้ผู้ใช้ ความดีของ Bitcoin คือมันมีประโยชน์ต่อคนแต่ละคนแบบที่แตกต่างกันไป เช่นถ้าคุณอยู่ในประเทศที่ทำให้คุณต้องกลัวว่าจะมีคนมายึดทรัพย์คุณ Bitcoin ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ไม่สามารถโดนยึดทรัพย์ได้จะมีประโยชน์ขึ้นมาในทันที”
“ส่วนถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ที่ทำให้คุณต้องกลัวว่าจะถูกตรวจจับ Bitcoin ที่เป็นทรัพย์สินที่ถูกตรวจจับไม่ได้ก็จะมีประโยชน์ขึ้นมาในทันใด”
“และเมื่อคุณอยู่ในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง Bitcoin ก็จะมีประโยชน์สำหรับคุณเพราะมันจะไม่มีวันถูกลดค่าเงิน เพราะแบบนี้มันถึงเป็นสกุลเงินที่มีคุณค่าต่อคนแต่ละคนต่างกันไป”
เขากล่าวในทวิตเตอร์ว่า
“แง่มุมสำคัญของ Bitcoin นี้ทำให้มันเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคนกว่าล้านคนที่อินเดียและฮ่องกง”
Bitcoin is different things to different people.
When you’re worried about your assets being seized or becoming inaccessible to you, Bitcoin’s non-seizability becomes very attractive.
This aspect of Bitcoin just became important for 1+ billion people in India & Hong Kong. pic.twitter.com/nLLaUlRpBz
— Pomp ? (@APompliano) October 6, 2019
การประท้วงในฮ่องกงทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นเพราะนโยบายการปราบจราจลของรัฐบาลและการบังคับไม่ให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากป้องกันใบหน้า ประชาชนในประเทศต่างก็แห่กดเงินสดออกจากเอทีเอ็ม
ล่าสุดมีรายงานว่าตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุมที่ Wan Chai ด้วยแก็สน้ำตาในขณะที่ผู้ชุมนุมต่อต้านด้วยการใช้ระเบิดไฟ
? HKFP_Live Replay: The moment police stormed the protesters' frontlines in Wan Chai on Sunday and arrested dozens. Officers deployed tear gas as protesters hurled Molotov cocktails. #hongkong #hongkongprotests #antiELAB #china @holmeschan_ pic.twitter.com/LHzqqKMhiM
— Hong Kong Free Press (@HongKongFP) October 7, 2019
ในขณะเดียวกัน ผู้ฝากเงินของธนาคาร PMC กำลังพยายามดิ้นรนหาทางถอนเงินออกจากธนาคาร โดย PMC Bank มีผู้ฝากเงินกว่า 900,000 ชีวิต
Like Demonetization, few in BJP knew beforehand about the closure of PMC bank!
FDs worth 16 Crores broken few days before RBI announcement, while common men lost all their saved money. pic.twitter.com/IJqPKE7DyW
— Kapil (@kapsology) October 2, 2019
โดยต้นเหตุของข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสำนักข่าว Reuters รายงานจดหมายที่เผยว่าธนาคาร PMC สร้างบัญชีกว่า 21,000 บัญชีเพื่อปกปิดปริมาณเงินที่ธนาคารปล่อยกู้
ต่อมาทาง Reserve Bank of India (RBI) ธนาคารคารกลางของอินเดียออกมาจำกัดจำนวนเงินที่เจ้าของบัญชีสามารถถอนได้ ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในหมู่ผู้ใช้บริการจำนวนมากเพราะทุกคนต่างเป็นห่วงเงินที่ตนฝากไว้กับธนาคาร
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า
“ธนาคารกลางของอินเดียป้องกันไม่ให้ธนาคาร PMC ออกเงินกู้หรือลงทุนเพิ่มเติมโดยไม่ได้รับอนุญาติจากธนาคารกลาง ในขณะที่ผู้ฝากเงินได้รับรายงานว่าสามารถถอนเงินภายใน 6 เดือนได้มากสุด 10,000 รูปี (140 ดอลลาร์) จากบัญชีใน PMC ของพวกเขา”
“ในวันอังคารที่ผ่านมาผู้ใช้บริการธนาคาร PMC จำนวนหนึ่งรวมตัวกันหน้าสำนักงานของธนาคารกลางที่มุมไบเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการจำกัดการถอนเงินที่ธนาคารกลางเข้ามาแทรกแซง”
ผู้ใช้บริการธนาคารหลายคนไม่พอใจเนื่องจากมีรายงานว่าก่อนที่จะมีการประกาศข้อบังคับจำกัดจำนวนเงินถอนมีกลุ่มนายทุนใหญ่ที่ได้รับข้อมูลก่อน ทำให้กลุ่มผู้ที่มีสิทธิพิเศษเหล่านั้นสามารถถอนเงินไปทั้งหมดได้ก่อนอย่างปลอดภัย
ที่มา dailyhodl
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น