<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Binance เตรียมหวนกลับถิ่น เปิดสำนักงานในปักกิ่ง คาดดึงเม็ดเงินเข้าตลาด Bitcoin มหาศาล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Binance เว็บกระดานซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่อันดับหนึ่งของโลกที่ตั้งอยู่ในมอลตา กำลังเตรียมที่จะเปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่ในกรุงปักกิ่ง โดยทางแหล่งข่าวที่มีความรู้ในเรื่องนี้ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง CoinDesk ว่าสำนักงานดังกล่าวนั้นจะเข้าร่วมกับสำนักงานใหญ่ในเซี่ยงไฮ้

อย่างไรก็ตามมันยังไม่ชัดเจนว่าสำนักงานแห่งใหม่นี้มีแผนจะเปิดตัวเมื่อใด แต่การดำเนินการดังกล่าวนั้นจะเป็นไปตามการประกาศอย่างเป็นทางการของจีนอย่างแน่นอน รวมถึงคำแถลงการณ์ของประธานาธิบดี Xi Jinping ที่ได้ประกาศยอมรับเทคโนโลยีบล็อกเชนไปไม่นานมานี้

เมื่อเร็ว ๆ นี้ความสัมพันธ์ระหว่าง Binance และจีนดูเหมือนว่าจะดีขึ้นแล้วซึ่งก่อนหน้านี้ทางสำนักข่าว Coindesk ได้รายงานไปแล้วเกี่ยวกับแผนการของจีนสำหรับการสร้างสกุลเงินดิจิทัล โดยในสัปดาห์นี้นาย Changpeng Zhao CEO ของ Binance ได้กล่าวบน Twitter ของเขาว่า เขาเชื่อว่าการยอมรับเทคโนโลยีบล็อกเชนของธนาคารกลางจีนจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมคริปโตอย่างแน่นอน หลังจากที่ไฟร์วอลล์ของจีนที่ได้ปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ Binance ไปเมื่อหนึ่งปีก่อน

นอกจากนั้นแล้วทางผู้บริหาร Binance ยังได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าพวกเขากำลังได้ทำงานร่วมกับหลายรัฐบาลในโปรเจคเหรียญ stablecoin ที่เรียกว่า ‘Venus’ โดยนาย Yi He ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Binance ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg ว่าทาง Binance จะช่วยเหลือรัฐบาลในเรื่องของการ “กำกับดูแลอย่างเต็มรูปแบบ” ผ่านโปรเจคดังกล่าวเพื่อให้มั่นใจได้ว่ามันจะได้รับ “การพัฒนาที่ยั่งยืนและมีความเสถียรภาพ”

แม้ว่า CZ จะเติบโตในแคนาดา แต่เขาก็เกิดที่ประเทศจีนและทำงานที่ OkCoin ในประเทศจีนก่อนที่จะก่อตั้งอาณาจักรของตัวเองนามว่า ‘Binance’ และได้ทำการลงทุนเป็นครั้งแรกในบริษัท Mars Finance ในประเทศจีนเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งทางเว็ปเทรดได้รับเสียงเชียร์จากนักลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนอย่างล้นหลาม รวมถึงบริษัท Black Hole Capital และ Funcity Capital

นาย CZ กล่าวเพิ่มเติมผ่านทาง Twitter เมื่อวันอังคารว่า เราจะเห็นได้ว่า Binance มีวอลุ่มการใช้งานของผู้ใช้ชาวจีนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการใช้งานแบบ peer-to-peer ที่ได้เพิ่งเปิดให้บริการในประเทศจีนไปเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการมุ่งเน้นในการให้บริการกับผู้ใช้ชาวจีนที่เพิ่มมาขึ้นนั้นไม่ได้หมายความว่า บริษัทกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านผลิตภัณฑ์หรือบริการใดที่นอกเหนือจากโปรเจค Venus stablecoin อย่างลับ ๆ

“ผมไม่มีอะไรที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชน” Zhao กล่าวในวิดีโอ บน Twitter ที่อ้างถึงกลยุทธ์ของรัฐบาลจีนและกล่าวเสริมด้วยว่า :

“ความรู้ทั้งหมดของผมมาจากแหล่งที่มาสาธารณะ”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น