เป็นที่ทราบกันดีว่า หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อวงการ Cryptocurrency และ Blockchain นั้นก็คือทิศทางของ Bitcoin เหรียญคริปโตอันดับ 1 ในตลาด ซึ่งอะไรก็ตามที่ถูกคาดว่าส่งผลต่อราคาของมันนั้นมักจะได้รับความสนใจเสมอ และหนึ่งในสิ่งที่ส่งผลต่อราคาของมันก็คงหนีไม่พ้นข่าวจากเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่นการประกาศบังคับใช้กฎหมายแบนคริปโตในประเทศ, การประเทศเปิด Bakkt, การ Halving และอื่น ๆ อีกมากมาย
ราคา Bitcoin เป็นไปตามความสนใจจากคนทั่วไป
ล่าสุด หลังจากที่นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน, ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนและประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง กล่าวแสดงความคิดเห็นแง่บวกเกี่ยวกับ Blockchain ก็มีการประโคมข่าวมากมายเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ จนราคาของ Bitcoin ทะยานให้เห็นกันในเวลาต่อมา
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Delphi นักวิเคราะห์ได้ตีพิมพ์รายงาน Bitcoin Monthly Outlook ที่จะรีวิวภาพรวมของ Bitcoin ซึ่งมีการอธิบายในนั้นว่าทำไมราคาในช่วงซัมเมอร์ของ Bitcoin นั้นถึงทะยานไปแบบนั้น พวกเขาได้หยิบยกข้อมูลมาว่า การทะยานในรอบนั้นเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการค้นหาคำว่า ‘Digital Gold หรือทองคำดิจิทัล’ ที่จู่ ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
Delphi ได้โชว์เทรนด์ข้อมูลของการค้นหาด้วย Google ว่า ‘Bitcoin + Gold’ ให้เห็นภาพว่า Bitcoin มีการทะยานในช่วงมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากนั้นไม่นานคนทั่วไปก็เริ่มหมดความสนใจลงเรื่อย ๆ จนในเวลาต่อมาราคาของมันก็ลดลงตามนั่นเอง
นอกจากนี้ ในรายงานยังโชว์ด้วยว่า ถ้าติดตามความสนใจของนักลงทุนรายย่อย ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถึงขั้นทำนายทิศทางของ Bitcoin ได้เลย
เทรนด์ล่าสุดของ Bitcoin ก็คือการที่ประเทศจีนเริ่มเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อ Blockchain ตลาดคริปโตเริ่มกลับมาตึกคักอีกครั้ง หลังจากที่นายสี จิ้นผิงมีความคิดเห็นแง่บวกเกี่ยวกับ Blockchain แต่ในเหตุการณ์นั้นส่งผลกับราคา Bitcoin จริง ๆ หรือไม่?
ถ้าลองไปดูในเครื่องมืออย่าง Google Trends ที่คอยบอกเทรนด์ข้อมูลการค้นหาของคนทั่วไป ว่า ‘Bitcoin + China’ จะพบว่ามีปริมาณการค้นหาคำเหล่านี้เพิ่มขึ้นสูงมาก ๆ ในวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ประกาศจะเกิดขึ้นเสียอีก
การประกาศนั้นดันไปใกล้กับเว็บเทรดคริปโตแบบ P2P ประกาศเช่นกันว่ารับเงินสกุลหยวนแล้ว หลังจากนั้นไม่นานประเด็นเหล่านี้ก็มีความสนใจน้อยลงเรื่อย ๆ นอกจากนี้ การประกาศของนายสี จิ้นผิงนั้นก็ไม่ค่อยส่งผล่ตอการค้นหาให้มากขึ้นเท่าไรด้วย
จากข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เห็นว่า ถึงแม้นักลงทุนคริปโตส่วนใหญ่จะดีใจและ Hype ตามประกาศ แต่คนส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ไหลตามกระแสของประเทศจีนไปซะหมด และนี่อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศจีนอาจไม่ใช่ตัวกระตุ้นตลาดคริปโตที่ทำให้มูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้นแบบยั่งยืนก็เป็นไปได้
การใช้เครื่องมืออย่าง Google Trends นั้นก็เป็นอีกเครื่องมือที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามเพราะนอกจากจะใช้ฟรีแล้ว มันยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจในการประกอบการตัดสินใจได้ด้วยซึ่งอย่าลืมว่ายิ่งมีข้อมูลเยอะเท่าไร ก็ยิ่งตัดสินใจวางแผนได้ครอบคลุมมากเท่านั้น
อ้างอิงจาก CoinMarketCap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ Bitcoin มีมูลค่าอยู่ที่ 8,840 ดอลลาร์ ลดลง 4.32 เปอร์เซ็นต์ และมีปริมาณการเทรดโดยรวมอยู่ที่ 24,201 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Bitcoin มีมูลค่าโดยรวมที่ 159,460 ล้านดอลลาร์
ที่มา : cryptobriefing
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น