ในขณะนี้ฮ่องกงกำลังพยายามที่ยกระดับเว็ปเทรดคริปโตในประเทศอย่างเป็นทางการ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (SFC) เพิ่งร่างกรอบการกำกับดูแลใหม่ ซึ่งช่วยให้พวกเขาคอยควบคุมดูแลสินทรัพย์และออกใบอนุญาตให้กับแพลตฟอร์มการเทรดคริปโต ซึ่งไม่แน่ว่าสิ่งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับวงการคริปโตเคอเรนซี่ก็เป็นได้
กรอบการกำกับดูแลใหม่
ในปีที่ผ่านมา SFC ได้ประกาศใช้กฏระเบียบ sandbox เพื่อให้บริษัทฟินเทคสามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ภายใต้กรอบการกำกับดูแลของรัฐบาล ภายหลังจากงาน Hong Kong Fintech Week 2019 นาย Ashley Alder หัวหน้าของ SFC ก็ได้ประกาศว่าเขากำลังควบคุมดูแลสินทรัพย์อยู่ในขณะนี้และได้มีการจัดตั้งกฎระเบียบใหม่สำหรับเว็ปเทรด cryptocurrency ในฮ่องกง
Cryptocurrency และสินทรัพย์เสมือนจริงบนแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับอนุญาตจาก SFC นั้นจะไม่อยู่ภายใต้กับกฎระเบียบแบบดั้งเดิมของหลักทรัพย์หรือกองทุนรวม
นาย Alder กล่าวด้วยว่ากฎระเบียบนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมคริปโตโดยครอบคลุมเรื่องข้อกังวลที่เกี่ยวกับการคุ้มครองนักลงทุนที่สำคัญทั้งหมด รวมถึงการดูแลทรัพย์สินอย่างปลอดภัย , ข้อกำหนด KYC , การป้องกันการฟอกเงินและการปั่นราคาตลาด ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ไม่มีอยู่ในตลาดการเงินแบบดั้งเดิมเช่นเรื่องของ hot wallet , cold wallets, forks, airdrops และอื่น ๆ
นอกจากนี้แพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับอนุญาตทั้งหมดจะต้องมีการประกันที่ครอบคลุมความเสี่ยงของสินทรัพย์เสมือนจริงในกรณีที่เกิดสินทรัพย์สูญหายหรือถูกขโมยอีกด้วย
โดยเขาเน้นย้ำว่า “สินทรัพย์เสมือนจริงได้เคลื่อนย้ายไปสู่ตลาดการเงินแบบดั้งเดิมแล้ว” และเขากำลังมุ่งเน้นกำลังไปที่เรื่องของความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขากล่าวว่าบางโปรเจคนั้น “สามารถนำไปใช้อย่างรวดเร็วในระดับโลก” ซึ่งนำไปสู่ “ ปัญหาร้ายแรงในหมู่นักการเมือง , ธนาคารกลาง และหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน”
โซลูชั่นตัวเลือกของ SFC
กรอบการกำกับดูแลใหม่นี้จะช่วยให้ SFC สามารถออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการเว็ปเทรดและช่วยให้พวกเขามีตัวเลือกในเรื่องของกฏระเบียบเพิ่มมากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมันไม่จำเป็นที่เว็ปเทรดคริปโตในฮ่องกงจะต้องขอใบอนุญาตเพื่อรับสิทธิ์ในการดำเนินงานของพวกเขา นาย Alder อธิบายว่าเหตุผลของการใช้โซลูชันตัวเลือกนั้นก็เพราะกฎหมายที่มีอยู่เดิมนั่นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งเขาเชื่อว่าตลาดสามารถรอจนไปกว่าการออกกฎหมายใหม่จะครอบคลุมภาคสินทรัพย์เสมือนจริงทั้งหมด แม้ว่าตอนนี้มันจะยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอนก็ตาม
นาย Alder กล่าวอีกด้วยว่าตอนนี้มีผู้ประกอบการเว็ปเทรดคริปโตหลายรายเข้ามามีบทบาทในฮ่องกง ซึ่งเขาเชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการเว็ปเทรดจำนวนหนึ่งที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมโซลูชั่นตัวเลือกของ SFC แต่เขาไม่ได้คาดหวังที่จะเห็นเว็ปเทรดจำนวนมากพุ่งเข้ามาในโซลูชั่นนี้
นักลงทุนรายย่อยหมดสิทธิ์
โปรแกรมการออกใบอนุญาตใหม่ระบุว่า ผู้ประกอบเว็ปเทรดจะสามารถให้บริการแก่นักลงทุนมืออาชีพเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่ายังคงไม่มีบริการสำหรับนักลงทุนรายย่อย ตามที่นิยามไว้ในกฎหมายหลักทรัพย์และฟิวเจอร์ส (สำหรับนักลงทุนมืออาชีพ) (มาตรา 571D) “นักลงทุนมืออาชีพ” หมายถึง :
บุคคลที่มีพอร์ตการลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ล้านเหรียญฮ่องกงหรือเทียบเท่าในสกุลเงินต่างประเทศ ณ วันที่ที่เกี่ยวข้องหรือตามที่ได้รับยืนยันตามเอกสารใดเอกสารหนึ่งที่ออกหรือเสนอขึ้นมาภายใน 12 เดือนก่อนวันที่เกี่ยวข้อง
หรือบริษัทที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการมรดกภายใต้ความไว้วางใจจากบริษัทอย่างน้อยหนึ่งแห่งที่มีสินทรัพย์รวมไม่น้อยกว่า 40 ล้านเหรียญฮ่องกงหรือเทียบเท่าในสกุลเงินต่างประเทศ ณ วันที่ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่านักลงทุนรายย่อยจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ในเรื่องนี้ โดยกฎหมายใหม่จะยังคงทำให้การซื้อขายสกุลเงินคริปโตในฮ่องกงมีไว้ให้สำหรับนักลงทุนกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งนาย Alder ให้เหตุผลว่าการที่เขาร่างกฏหมายนี้ขึ้นมานั้นก็เพราะสัญญาฟิวเจอร์สของสินทรัพย์เสมือนจริงยังคงมีความผันผวนและมี “ความเสี่ยงอย่างมาก”
Bitcoin และ Altcoin นั้นไม่ใช่หลักทรัพย์
SFC มองลักษณะของ Bitcoin และทรัพย์สินคริปโตตัวอื่น ๆ นั้นแตกต่างจากหลักทรัพย์ทั่วไป โดยนาย Alder กล่าวว่า
“ Bitcoin และสินทรัพย์คริปโตตัวอื่น ๆ นั้นไม่ใช่หลักทรัพย์ ”
นอกจากนี้เขาได้ยังกล่าวด้วยว่า SFC “มีเพียงอำนาจที่สามารถควบคุมแพลตฟอร์มธุรกิจการซื้อขายสินทรัพย์เสมือนจริงหรือโทเค็นเท่านั้น ซึ่งเป็นกฎหมาย ‘หลักทรัพย์’ หรือ ‘สัญญาซื้อขายฟิวเจอร์’ โดยท่าทีส่วนใหญ่ของ SFC นั้นสอดคล้องกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ในโลกอย่างเช่นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา
ข้อสรุป
การประกาศควบคุมดูแลเว็ปคริปโตของ SFC เกิดขึ้นหลังจากที่จีนประกาศแนวคิดริเริ่มเกี่ยวกับเทคโนโลยี blockchain และเราคาดหวังว่าจีนและเอเชียจะเป็นศูนย์หน้าและจุดศูนย์กลางของการพัฒนาคริปโตเคอเรนซี่และบล็อกเชน เนื่องจากการลงทุนคริปโตเริ่มเข้ามาอยู่ในกระแสหลักมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานแอปพลิเคชั่นทุก ๆ วันและการใช้งานสินทรัพย์เสมือนจริงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทุก ๆ วันเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ากฎระเบียบที่สมบูรณ์สำหรับสินทรัพย์คริปโตนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เราเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมจะผลดีต่อทั้งนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งการพัฒนากฎระเบียบในฮ่องกงก็ถือได้ว่าเป็นความพยายามที่ส่งผลในเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม
ที่มา : dailyhodl
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น