<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin กำลังถูกผลักดันในเยอรมันหลังรัฐบาลเตรียมออกกฎหมายอนุญาติให้ธนาคารเสนอขาย Crypto ได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อย่างที่เรารู้กันดีว่า หากใครที่ติดตามข่าวสารมาตลอดนั้นทางด้านของประเทศในแถบยุโรปแทบจะทุกประเทศได้ถูกข้อจำกัดด้านกฎระเบียบต่าง ๆ ห้ามไม่ให้พวกเขาสามารถทำการเสนอขายหรือให้บริการอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin กับลูกค้าของพวกเขา แน่นอนว่าหนีไม่พ้นประเทศชั้นนำของยุโรปอย่างเยอรมันเองก็เช่นกัน ซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหลายและข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้กำลังจะกลายเป็นอดีตไปในไม่ช้า 

ตามรายงานใหม่ล่าสุดเมื่อการบังคับใช้กฎหมายการฟอกเงินครั้งที่สี่ของสหภาพยุโรปมีผลบังคับใช้ให้สถาบันการเงินในประเทศเยอรมนีจะได้รับการอนุมัติทางกฎหมายและข้อบังคับเพื่อเสนอขายและสามารถที่จะถือ cryptocurrencies ต่าง ๆ ได้ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึง Bitcoin เหรียญที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน 

แม้ตอนนี้พวกเราจะยังไม่สามารถทราบรายละเอียดที่แน่ชัดได้เกี่ยวกับกำหนดเวลาที่แน่นอน แต่การเริ่มต้นใช้ข้อบังคับใหม่ของสหภาพยุโรปฉบับนี้ที่ดูจะให้ผลดีต่อธนาคารในเยอรมันคาดว่าน่าจะนำมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์ในช่วงปี 2020 หรือก็คือปีหน้านั้นเอง 

แรงผลักดันที่สำคัญทำให้ Bitcoin ได้รับการยอมรับ 

ดูเหมือนว่าการออกข้อบังคับใช้กฏหมายใหม่ในครั้งนี้ของทางสหภาพยุโรปจะเป็นอีกหนึ่งในการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากสำหรับชุมชน Bitcoin และไม่ได้ดีแต่เพียงแค่ในประเทศเยอรมันเท่า แต่มันยังหมายถึงทั่วทั้งสหภาพยุโรปรวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ที่กำลังมองความเคลื่อนไหวของบรรดาประเทศชั้นนำเพื่อศึกษาเป็นแนวทางในการใช้กับประเทศของตัวเองอีกด้วย 

ท้ายที่สุดการการมีธนาคารและสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมหลากหลายประเภทที่ให้บริการ cryptocurrencies จะทำให้สินทรัพย์เหล่านั้นมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ที่ยังคงสงสัย อยากจะเข้าใจ และนักลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีเป็นครั้งแรก

ในขณะเดียวกันสถาการณ์ดังกล่าวก็ดูจะออกมาในรูปแบบ Win – Win ทั้ง 2 ฝ่ายสำหรับธนาคารเช่นกัน เนื่องจากการอนุญาติในครั้งนี้จะทำให้พวกเขาได้กลุ่มลูกค้าตลาดใหม่ทั้งหมดที่จะเข้ามาในอนาคต ซึ่ง จนถึงขณะนี้ไม่มีสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งใดในประเทศเยอรมนีที่ได้รับอนุญาตให้เสนอบริการที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency โดยตรงให้กับลูกค้า ทางออกของสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้คือการส่งไปยังบริษัทในเครือที่มีความเกี่ยวข้องกัน หรือไม่ก็ต้องเป็นคนนอกไปเลย 

ด้านกฎระเบียบใหม่ที่เริ่มขึ้นนักลงทุนชาวเยอรมันจะสามารถเข้ามาลงทุนใน Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ผ่านกองทุนในประเทศแทนวิธีการแบบดั้งเดิมในการเปลี่ยนเป็นกองทุนในต่างประเทศ กล่าวอีกทีหนึ่งก็คือ การลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่ผ่านธนาคารในประเทศเยอรมัน จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก เหมือนกับที่นักลงทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์ชนิดอื่นได้เช่น หุ้น พันธบัตร หรือตราสารหนี้เป็นต้น 

นักวิจารณ์ออกมาเคลื่อนไหว 

ในขณะเดียวกันที่มีคนดีใจกับการได้รับอนุญาติให้สามารถซื้อขาย Bitcoin และคริปโตเคอเรนซี่ได้ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนั้น เพราะนักวิจารณ์บางคนออกมาโต้เถียงว่า มันเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักในการที่จะให้ธนาคารสามารถขายคริปโตเคอเรนซี่และให้บริการกับลูกค้าได้โดยตรง 

ตามที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้กล่าวอ้างพวกเขาเชื่อว่าการที่ธนาคารสามารถขายคริปโตเคอเรนซี่ให้กับบรรดาลูกค้าได้โดยตรงจะทำให้ธนาคารจะมกระตือร้นในการขาย Bitcoin หรือเหรียญอื่น ๆ เหมือนกับที่การขายเพื่อทำบัตรเครดิต ซึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เป็นไปได้ที่ธนาคารบางแห่งจะขายสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ให้กับลูกค้าโดยไม่เปิดเผยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเภทสินทรัพย์ 

ในขณะเดียวกันนักการเมืองและนักวิจารณ์ทางการเงินจากพรรคฝ่ายซ้ายอย่างนาย Fabio De Masi  ได้ออกมาเตือนและแสดงความเป็นกังวลในเรื่องข้างต้นด้วยเช่นกัน 

ในตอนนี้สิ่งที่เราควรทราบก็คือดูเหมือนว่าธนาคารเยอรมันกำลังมองว่าการใช้สกุลเงินเสมือนเป็นเครื่องมือทางการที่มีศักยภาพเป็นอย่างมากย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ตามที่ BelnCrypto ได้รายงานไว้เมื่อต้นที่แล้ว ธนาคารเยอรมันมากกว่า 200 แห่งได้รวมตัวกันเพื่อเสนอสกุลเงินดิจิทัลยูโร ที่คล้าย ๆ กับที่เหมือนของสกุลเงินดิจิตอลของประเทศจีนอย่างหยวนดิจิตอลบ้าง 

เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าในตอนนี้ประเทศจีนที่นำโดยประธานาธิบดี Xi Jinping ได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศจีนเร่งเดินหน้าและต้องขึ้นเป็นผู้นำทางด้านของเทคโนโลยี Blockchain เพื่อสร้างมาตรฐานให้ได้ในระดับโลก อีกทั้งยังได้เน้นย้ำอีกว่าจีนมีรากฐานที่มั่นคงเป็นอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain ให้เติบโตอย่างเป็นระบบที่ดี และอีกไม่นานเงินหยวนดิจิตัลจะพร้อมใช้งานในไม่กี่ปีข้างหน้าแล้ว 

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ทำให้หลาย ๆ ประเทศต่างเอาเป็นแบบอย่างและอีกไม่นานทุกประเทศก็คงจะต้องปรับตัวตามอย่างแน่นอน

ที่มา : beincrypto

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น