<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Ripple ได้รับเงินลงทุนอัดฉีดกว่า 6 พันล้านบาทใน Series C เพื่อพัฒนาเหรียญ XRP

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บริษัท Ripple ซึ่งเป็นบริษัทโอนเงินบล็อคเชนข้ามประเทศได้รับเงินทุนกว่า 200 ล้านดอลลาร์มาจากงานการระดมทุนที่มีชื่อว่า Series C ที่จัดโดย Tetragon โดยมีผู้ร่วมงานจาก SBI Holdings และ Route 66 Ventures โดยทางบริษัทได้ออกมาแถลงข่าวนี้ต่อสาธารณะชน

การลงทุนอัดฉีดให้ Ripple ครั้งนี้ทำยอดการลงทุนเป็นสถิติสูงสุดในปีของ Ripple และมันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Ripple นั้นมีมูลค่าและความสามารถที่จะพัฒนาเครือข่ายการโอนเงินระดับโลกและยังแสดงให้เห็นถึงความนิยมในการใช้งานสกุลเงินดิจิตอลของ Ripple อย่าง XRP และ XRP Ledger

ทุนที่ Ripple ได้รับครั้งนี้จะถูกทางบริษัทนำไปใช้ในการพัฒนาศักยภาพในการตอบสนองผู้ใช้บริการและพาร์ทเนอร์และความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ 

ในปี 2019 นี้เครือข่าย RippleNet ของทางบริษัทมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 300 เจ้าทั่วโลก นอกจากนั้นแล้วทางบริษัทยังได้ตกลงเป็นพาร์เนอร์กับ MoneyGram

โดยทั้งสองบริษัทนั้นเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันตั้งแต่กลางปี และทาง Ripple ประกาศไปเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนว่าพวกเขาได้เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับทาง MoneyGram ซึ่งตามเงื่อนไขของข้อตกลง Ripple จะต้องลงทุนเงินในครั้งแรกเป็นจำนวนทั้งสิ้น 30 ล้านดอลลาร์ให้กับทาง MoneyGram โดยทำการซื้อหุ้นของบริษัทที่ราคา 4.10 ดอลลาร์ต่อหุ้น (หรือประมาณสามเท่าของมูลค่าตลาด) และในอีกสองปีข้างหน้า MoneyGram จะมีตัวเลือกให้ Ripple ได้ลงทุนอีก 20 ล้านดอลลาร์ (ด้วยการซื้อหุ้นของบริษัทที่ 4.10 ดอลลาร์ต่อหุ้นเช่นเดิม) ข่าวข้อตกลงสร้างผลกระทบให้ราคาหุ้นของ MoneyGram ขึ้นไปสูงกว่าเดิม 150 เปอร์เซ็นตั้งแต่เดือนมิถุนายน

นอกจากนั้นแล้วการร่วมมือดังกล่าวส่งผลให้ MoneyGram สามารถเพิ่มวอลุ่มการใช้งานโดยใช้ระบบ On-Demand Liquidity (ODL) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ Ripple ที่เข้ามาช่วยยกระดับสินทรัพย์ XRP ให้สามารถส่งเงินไปทั่วโลกได้ทันทีและมีความน่าเชื่อถือ มีรายงานว่าระบบ ODL ช่วยเพิ่มวอลุ่มการโอนเงินรายวันจากสหรัฐอเมริกาไปยังเม็กซิโกถึง 10 เปอร์เซ็น

ในบทสัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN ชิ้นล่าสุดนาย Holmes กล่าวว่าเขาเชื่อมั่นใน Ripple และเทคโนโลยีบล็อคเชนอื่นๆ ในภาพรวมว่าพวกมันจะสามารถปฎิรูปอุตสาหกรรมการโอนเงินโลกได้

“สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ Ripple และบล็อคเชนคือมันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนโฉมการโอนเงินโดยใช้ฐานข้อมูล ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากในหลายๆ ทาง แต่อนาคตมันก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ”

“คุณจะสามารถโอนเงินในระยะเวลาสั้นๆ ได้ยังไง? เหมือนที่ Brad Garlinghouse พูดนั้นแหละว่า (ซีอีโอของ Ripple) คุณจะเปลี่ยนโอนธุรกิจของคุณยังไงถ้าคุณมีเพียงตัวกลางที่ไม่อยู่ในสถานะสภาพคล่อง สิ่งนั้นแหละคือสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจเกี่ยวกับ Ripple สิ่งนั้นแหละที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีนี้และหนทางที่ผู้สร้างเทคโนโลยีเหล่านั้นกำลังทดลองและนำทางไปนั้นน่าสนใจมาก ผมคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นมีแพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำมันและนอกจากนั้นพวกเขายังมีทัศนะที่กว้างไกลและเข้าใจในสิ่งที่พวกเราต้องการเช่นกัน พวกเขาเข้าใจว่าจะต้องลดค่าใช้จ่ายยังไง พัฒนาระบบโอนยังไง พัฒนาศักยภาพและการบริการยังไง ซึ่งพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อลูกค้าปัจจุบันแต่ยังทำเพื่อลูกค้าที่จะมาอุดหนุนในอนาคตอีกด้วย”

“ผมคิดว่า Ripple และเหรียญ XRP มีนวัตกรรมที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้ พวกเขามีพาร์ทเนอร์ทั่วโลกถึง 300 ราย ในจำนวนนั้นมีทั้งธนาคารและบริษัทบริการการโอนเงินแบบ MoneyGram มากมาย ดังนั้นพวกเขามีศักยภาพที่จะสร้างความเป็นไปได้ที่ไม่มีวันหมดในการสร้างเครือข่ายผ่านช่องทางและความสามารถเหล่านั้น”

ในวันนี้เครือข่ายของ Ripple มีผู้ใช้บริการจากมากกว่า 45 ประเทศ 6 ทวีปกระจายไปทั่วโลก เครือข่ายมีกำลังในการจ่ายเงินใน 70 ประเทศ ซึ่งถือเป็นการเติมโตต่อปีถึง 10 เท่า ธนาคารและผู้ให้บริการโอนเงินจำนวนมากเริ่มหันมาใช้ Ripple เนื่องจากระบบ On-Demand Liquidity (ODL) ของ Ripple เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้นได้

นาย Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple เคยกล่าวไว้ว่า

“เราอยู่สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมั่นคงซึ่งทำให้เราสามารถทำตามวิสัยทัศน์ของเราได้ ในขณะที่บล็อคเชนเจ้าอื่นชะลอตัวหรือกระทั่งปิดตัวไปนั้นพวกเรากลับเหยียบคันเร่งพุ่งไปข้างหน้าเป็นผู้นำในปี 2019”

ล่าสุดทาง Ripple ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในนาม Xpring ซึ่งจะทำหน้าที่ส่งเสริมระบบเครือข่ายของ Ripple โดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่นี้จะยิ่งส่งเสริมการพัฒนาตามที่บริษัทตั้งเป้าไว้

ซึ่ง Xpring จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มที่เสนอเครื่องมือ การบริการ และโปรแกรมที่จะช่วยให้การโอนเงิน XRP Ledger และ Interledger Protocol (ILP) มีความสะดวกมากขึ้นเพราะมันจะทำให้ผู้รับโอนสามารถเลือกรับเงินเป็นสกุลใดๆ ในเครือข่ายใดๆ ก็ได้  

ปีนี้ดูจะเป็นปีที่ Ripple มีพัฒนาขึ้นมากถึงแม้ราคาของมันจะซบเซาตามกระแสของตลาดสกุลเงินดิจิตอลก็ตาม

กราฟราคา XRP ระยะยาวจาก CryptoNinjas

ที่มา CryptoNinjas

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น