หุ้นส่วนของบริษัทด้านการลงทุนระดับโลก นาย พอล วีรดิษฐกิจ (Paul Veradittakit) ผู้ที่มีชื่อเสียงในด้านการลงทุนสาย Venture Capital และ Hedge fund นั้นได้ออกมาแสดงความเห็นของเขาเกี่ยวกับตลาด Cryptocurrency ที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2020 นี้
โดยเขานั้นได้พูดคุยถึงเรื่องความผันผวนของตลาด, ผู้ออกกฎหมายในแต่ละประเทศ, เรื่องอื้อฉาวทางการเงิน, การเฮียริ่งของรัฐบาลสหรัฐฯ และอื่น ๆ อีกมากมานในวงการ blockchain และ cryptocurreny ในปี 2019 ที่ผ่านมา ทว่าเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้เรื่องเหล่านั้นที่เขาหยิบยกมาเป็นประเด็นนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องของเหรียญ Libra จาก Facebook ที่แต่ละคนเคยให้ความสนใจอย่างมากเมื่อกลางปี 2019 ที่ผ่านมา
โดยเขาเผยว่าทีม Libra จาก Facebook นั้นอาจมีการกลับเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มผู้ออกกฎหมายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับปัญหาในเรื่องของความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยเขากล่าวว่า
“นาย David Marcus หรือหัวหน้าของโปรเจคดังกล่าวได้ไปไขข้อสงสัยให้กับทางรัฐบาลของสหรัฐฯ และข้อกังขาและคำวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องการทำข้อมูลรั่วไหลของ Facebook นั้นจะทำให้พวกเขาได้เห็นถึงส่วนที่ควรถูกแก้ไข”
นอกจากนี้เขายังพูดคุยเกี่ยวกับการ halving ของ Bitcoin ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 โดยนายพอลกล่าวว่าการ halving นั้นจะช่วยสร้างกระแสขาขึ้นให้กับตลาดของ Bitcoin และการ halving นั้นมีโอกาสที่จะทำให้ราคาของเหรียญ BTC นั้นอยู่ในจุดที่สูงตลอดปี 2020 นี้ เขากล่าวเสริม
ภายหลังจากนั้นเขาได้แสดงมุมมองของเขาเกี่ยวกับโปรเจคที่น่าสนใจอย่าง Decentralized Finance’s (DeFI) ว่ามันจะเติบโตได้อย่างไร โดยนาย Paul กล่าวว่าด้วยความที่ DeFi นั้นถือเป็นหนึ่งในโปรเจคที่เติบโตมากที่สุดในปี 2019 ดังนั้นเทรนด์ดังกล่าวก็จะถูกสานต่อมายังปีนี้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าผู้ให้บริการอย่างเช่น Maker, Compund, และ InstaDapp อาจจะมีผู้มาใช้งานรายเดือนที่สูงขึ้นอีกด้วย
แล้วสกุลเงินคริปโตของธนาคารกลางล่ะ
นอกจากนี้นายพอลยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเหรียญ cryptocurrency ของธนาคารกลางอย่างเช่น Centralized Banking Currencies หรือ CBDC ที่เราจะได้เห็นการพัฒนาและการเติบโตที่มากขึ้นในปี 2020 นี้
นายพอลยังได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตของรัฐบาลจีนอีกด้วย โดยเขากล่าวว่า
“สกุลดิจิทัลหยวนนี้จะกลายเป็นตัวอย่างที่ดีที่เผยให้เห็นว่าสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจะเป็นอย่างไร และจะมีกรณีการใช้งานจริงเป้นแบบไหน โดยเฉพาะบนแพลทฟอร์มออนไลน์อย่างเช่น Alibaba และ Baidu”
ท้ายสุดนี้เขาสรุปว่าอุปสรรคด้านกฎหมายที่วงการคริปโตต้องพบเมื่อปีที่ผ่านมานั้น นักกลงทุนควรที่จะต้องระวัง อย่างเช่นกฎหมายที่จะออกมากำกับเทคโนโลยี zero knowledge proof หรือในแง่ของความเป็นส่วนตัวบน blockchain และการเงินแบบดิจิทัล และเรื่องสุดท้ายก็คือเรื่องเหรียญโทเคนที่เป็นหลักทรัพย์ และไม่ใช่หลักทรัพย์
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น