วันที่ 29 มกราคม นาย John McAfee โพสต์ในทวิตเตอร์ของตนว่า Bitcoin นั้นคือเหรียญสกุลเงินดิจิตอลที่แย่มากด้วยสาเหตุหลายประการ
นาย John McAfee คือหนึ่งในผู้ก่อตั้งโปรแกรม Anti Virus ที่หลาย ๆ คนต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้เองเขาได้เคยออกมาพนันด้วยน้องชายของเขาว่าราคาของ Bitcoin จะต้องพุ่งไปแตะ 1 ล้านดอลลาร์อย่างแน่นอนเมื่อสิ้นสุดในเดือนธันวาคม ปี 2020 แม้ว่าระดับราคาในปัจจุบัน ณ ตอนนี้ของ Bitcoin จะยังคงอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากและไม่มีทีท่าว่าจะเกิน 10,000 ดอลลาร์ไปได้เลยก็ตาม
ล่าสุดเขากลับมีมุมมองในแง่ลบเกี่ยวกับ Bitcoin เขากล่าวว่าเหรียญ Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ห่วยแตกอย่างแท้จริง ในขณะที่อนาคตของสกุลเงินดิจิตอลนั้นขึ้นอยู่กับเหรียญทางเลือกหรือ altcoins ตัวอื่นๆ
Eat my dick in 12 months?
A ruse to onboard new users. It worked.
Bitcoin was first. It's an ancient technology. All know it.
Newer blockchains have privacy, smart contracts, distributed apps and more.
Bitcoin is our future?
Was the Model T the future of the automobile?
— John McAfee (@officialmcafee) January 5, 2020
ก่อนหน้านี้ไม่นานนาย John McAfee เพิ่งออกมาเปรียบเทียบ Bitcoin กับรถ Ford รุ่น T โมเดล เขาเปรียบเทียบว่ามันเหมือนกันในฐานะที่มันมี “เทคโนโลยีโบราณ” หลังจากนั้นนาย McAfee ก็กล่าวโจมตี Bitcoin ต่อ ในวันนี้เขาก็เลยกล่าวโจมตีว่า Bitcoin นั้นเป็นเหรียญสกุลเงินดิจิตอลที่ห่วยแตกอย่างแท้จริง
เขาโพสต์ในทวิตเตอร์ว่า:
“พวกที่เชื่อใน Bitcoin อย่าบ้าคลั่งเรียกเหรียญอื่นๆ ว่าเป็นเหรียญที่ห่วยแตก แต่เราก็กันหมดนะว่าอนาคตของสกุลเงินดิจิตอลนั้นขึ้นอยู่กับเหรียญ altcoins Bitcoin ซึ่งเก่า เทอะทะ ไม่ปลอดภัย ไม่มีสมาร์ทคอนแทร็ค ไม่มี DAPPs คือเหรียญที่ห่วยแตกอย่างแท้จริง”
Whichever Bitcoin Maximalist came up with the term "Shitcoin" for all other coins;
Was brilliant.
But we all know that the future of Crypto rests with the Alt Coins.
Bitcoin –
Old, clunky, no security, no smart contracts, no DAPs ….
Is the true Shitcoin.
— John McAfee (@officialmcafee) January 29, 2020
นาย John McAfee เชื่อว่า Bitcoin เป็นเทคโนโลยีระดับโบราณที่ไม่มีประสิทธิภาพในการรองรับเหมือนกับที่เครือข่ายของสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ ทำได้ ซึ่งเขาก็มีส่วนถูกอยู่เหมือนกัน ระบบเครือข่ายของ Bitcoin ช้ามากเมื่อเทียบกับเครือข่ายของเหรียญอื่นๆ และในตอนนี้มันก็มีปัญหาในเรื่อง scalability อีกด้วย
แต่ปัจจุบันนักลงทุนก็หวังว่า Lightning Network จะมาแก้ปัญหาเรื่อง scalability ได้ การเพิ่มช่องทางการโอนของ Lightning Network จะทำให้ Bitcoin สามารถรองรับการโอนต่อวินาทีได้มากขึ้น
ระบบ Bitcoin Blockchain จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นถ้าตัว Nodes ของระบบมีมากขึ้น Ligtning Network จะทำให้ตัว Nodes มีมากขึ้น ในอนาคต Bitcoin อาจจะสามารถรองรับการโอนได้ 5000 – 1 ล้านครั้งต่อวินาที
เทคโนโลยี Lightning Network สามารถบรรเทาภาระของ Bitcoin ได้มากเพราะมันสามารถสร้างช่องทางในการทำการโอนขนาดเล็กได้มากมายและส่งผลให้ค่าวอลุ่มการโอนลดลงไปมาก ผู้คนคาดหวังว่า Lightning Network จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เวลาที่ใช้ในการโอน Bitcoin ลดลงไปอย่างมาก
แต่ในด้านความปลอดภัยนั้น Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินดิจิตอลกลุ่มที่ปลอดภัยที่สุดในโลกตรงกันข้ามกับที่นาย John McAfee บอก สกุลเงินดิจิตอล ค่า Hashrate ของ Bitcoin ก็พุ่งสูงทำสถิติใหม่เรื่อยๆ ส่งผลให้บล็อคเชนของ Bitcoin นั้นถูกแฮ็คและเข้าควบคุมยากขึ้นทุกวัน
การเข้าควบคุมเครือข่ายนั้นจะเกิดขึ้นได้ในกรณีที่เรียกว่า 51% attack มันคือกรณีที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีกลุ่มนักขุดกลุ่มหนึ่งสามารถครองค่า hashrate ได้เกิน 50 เปอร์เซ็นของ hashrate ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถควบคุมได้ว่าพวกเขาจะทำการยืนยันคำสั่งโอนเงินหรือไม่ยืนยัน หมายความว่าพวกเขาสามารถหยุดการโอนเหรียญได้เลยทีเดียว และที่แย่ไปกว่านั้นพวกเขาสามารถย้อนการโอนเหรียญที่เกิดขึ้นขณะที่พวกเขาควบคุมระบบได้ ส่งผลให้พวกเขาสามารถใช้เหรียญดังกล่าวได้ถึงสองครั้ง
แต่ในตอนนี้ข้อมูลสถิติเผยว่ายังไม่มีนักขุด Bitcoin คนไหนที่ใกล้จะครองค่า hashrate เกิน 50 เปอร์เซ็นได้เลย เปอร์เซ็นส่วนใหญ่กระจายกันไปซึ่งแสดงให้เห็นว่าค่า hashrate ของ Bitcoin นั้นค่อนข้าง decentralized และไม่สามารถถูกควบคุมได้
อัตราส่วนค่า hashrate จาก boockchain.com
โดยก่อนหน้านี้นาย John McAfee เคยให้สัมภาษณ์ว่าถึงแม้ Bitcoin นั้นเป็นเทคโนโลยีโบราณแต่มันก็ “เป็นตัวที่รักษามูลค่าและสกุลเงินดิจิตอลไว้ มันเป็นมาตราฐานของสกุลเงินดิจิตอล” และมัน “ยังคงจะมีมูลค่าต่อไป”
ที่ผ่านมานาย John McAfee มักเป็นที่โด่งดังในวงการสกุลเงินดิจิตอลเสมอ อย่างเช่นการที่เขาคาดการณ์ว่า Bitcoin จะพุ่งไปถึง 1 ล้านดอลลาร์ แต่ภายหลังตัวเขาออกมาปฎิเสธความรับผิดชอบว่าคำพูดของเขาเป็นเพียง “เล่ห์กลที่จะล่อให้พวกหน้าใหม่มาขึ้นเรือ”
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็มีความสนใจในตลาดสกุลเงินดิจิตอลมาโดยตลอด เขาเปิดตัวเว็บเทรดดิ้งแพลตฟอร์ม McAfeeDEX ที่เป็นเว็บเทรดดิ้งที่ไม่มีข้อบังคับผู้ใช้เท่ากับเว็บอื่นๆ เว็บของเขาทำงานกับบล็อคเชนของ Ethereum ซึ่งเขาเคยพูดถึงมันว่า “เรามีหลายอย่างมากยกเว้น Bitcoin ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น