บริษัท Lightning Labs นั้นเป็นหนึ่งในบริษัทหน้าใหม่ในวงการการเงินซึ่งมุ่งเป้าการดำเนินการไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินซึ่งมีการใช้งานเทคโนโลยี Blockchain เป็นหลักเพื่อตอบสนองต่อแนวคิดของการเข้ามาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนของสกุลเงินคริปโตโดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งทางบริษัทนั้นได้ตั้งเป้าในการสร้างเครือข่ายการดำเนินการทางการเงินอีกชั้นหนึ่งบนเครือข่าย Blockchain หลักสำหรับสกุลเงินคริปโตอย่าง Bitcoin นั่นเอง
ล่าสุดนี้ทางบริษัทได้รับเงินสนับสนุนการดำเนินการจากบริษัทและนักลงทุนชื่อดังหลายรายเช่น Craft Ventures, Slow Ventures, นาย David Heller ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท Goldman Sachs, นาย Avichal Garg จากบริษัท Electric Capital และ Ribbit Capital โดยมีมูลค่าการลงทุนนับ 10 ล้านดอลลาร์
ผลิตภัณฑ์ล่าสุดนี้ได้มีเป้าหมายในการเข้ามาอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์คริปโตรวมทั้งการชำระเงินด้วยสินทรัพย์คริปโต ซึ่งอาจเปรียบการดำเนินการดังกล่าวนั้นว่าเป็นการดำเนินการแบบเดียวกับการดำเนินการของบริษัทอย่าง VISA ซึ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกรรมบนระบบ Blockchain อีกชั้นหนึ่งนั่นเอง
การดำเนินการของ Lightning Loop นั้นประกอบไปด้วยช่องทางขาเข้าของสินทรัพย์และขาออกขอสินทรัพย์ โดยช่องทางการชำระเงินดังกล่าวนั้นต้องอาศัยสินทรัพย์คริปโตอย่าง Bitcoin ไหลเวียนในระบบ Loop เพื่อให้ระบบสามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งขาเข้าของระบบนั้นเสมือนกับการเติมเงินเข้าสู่ระบบเช่นเดียวกับการใช้งานบัตรเดบิต และขาออกนั้นเป็นช่องทางสำหรับการรับโอนสินทรัพย์ดังกล่าวปลายทางแก่ผู้ประกอบการต่างๆนั่นเอง
เนื่องจากการดำเนินการบนระบบดังกล่าวนั้นต้องอาศัยสภาพคล่องในระดับหนึ่งเพื่อที่จะคงการดำเนินการของระบบไว้ ดังนั้นแล้วระบบจึงมีนโยบายในการเก็บค่าบริการในอัตราส่วนเพียงเล็กน้อยจากการไหลเวียนของเงินบนระบบเพื่อให้เพียงพอกับการดำเนินการเท่านั้น
ทั้งนี้นาย Brian Murray ประธานฝ่ายบริหารของทาง Lightning Labs นั้นยังได้ออกมากล่าวถึงผลิตภัณฑ์ล่าสุดของพวกเขาในการช่วยพัฒนาวงการคริปโตโดยเฉพาะการใช้งานของสินทรัพย์คริปโตอย่าง Bitcoin ได้อย่างมีประสิทธิภาพว่า
“เพื่อให้เหรียญ Bitcoin นั้นสามารถที่จะเติบโตไปเป็นสกุลเงินที่มีการใช้งานในระดับโลกได้นั้น มันจะต้องอาศัยการดำเนินการมากกว่าเพียงชั้นตั้งต้นของ Blockchain…เช่นเดียวกับที่บริษัทอย่าง VISA เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการจัดการการไหลเวียนของเงินสดแทน ซึ่งเครือข่าย Lightning Network นั้นก็ได้เข้ามาจัดการกับปัญหาด้านการประมวลผลธุรกรรมบนเครือข่าย ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการบริหารจัดการค่าธรรมเนียมและความรวดเร็วในการประมวลผล”
การพัฒนาที่เกิดขึ้นภายในวงการทางการเงินและวงการคริปโตนี้ต่างเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดำเนินการทางการเงินในยุคถัดไปนี้ ซึ่งผู้คนทั่วไปจะไม่จำเป็นที่จะต้องวิ่งเข้าหาผู้ให้บริการซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการดำเนินธุรกรรมเพื่อแลกกับการนำข้อมูลของผู้ใช้งานไปใช้ประโยชน์แต่อย่างใด โดยอาศัยบริการที่ทำให้พวกเขาสามารถที่จะโอนเงินหากันได้โดยตรงนั่นเอง ซึ่งการดำเนินการของ Lightning Labs นั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยผลักดันให้เครือข่ายสามารถพัฒนาไปสู่จุดดังกล่าวได้นั่นเอง
Great to see @starkness in CH talking #lightning ⚡⚡ at the @bitcoin_ch Meetup in Zurich tonight! @lucas_lclc @RogerDarin #cryptovalley #cryptonation @lightning pic.twitter.com/DZpBRVVMrP
— Bitcoin Suisse (@BitcoinSuisseAG) January 13, 2020
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น