นาย Kozo Yamamoto หัวหน้าคณะค้นคว้าทางการเงินของพรรค Liberal Democratic Party ของประเทศญี่ปุ่นออกมากล่าวว่าประเทศญี่ปุ่นควรจะพัฒนาเหรียญสกุลเงินดิจิตอลใช้เองภายใน 2-3 ปีนี้ เขาออกมาให้สัมภาษณ์ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2020 อ้างอิงจากสำนักข่าวรอยเตอร์ที่รายงานไปแล้วในวันนี้
“ภายในระยะ 2-3 ปีที่จะมาถึงนี้” นาย Kozo Yamamoto กล่าว นอกจากนั้นแล้วเขายังบอกว่ารัฐบาลควรมีแผนพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลเป็นแผนสำคัญในนโยบายช่วงกลางปี 2020 โดยเหรียญดังกล่าวนั้นจะอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารกลางแห่งประเทศญี่ปุ่น และจะเป็นเหรียญประเภท Central Bank Digital Currency (CBDC)
“ยิ่งเร็วยิ่งดี เราจะเสนอแผนการพัฒนาเพื่อให้มันอยู่ในแผนนโยบายของรัฐบาล และเราหวังว่าเราจะสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้ภายในระยะเวลา 2-3 ปีที่จะมาถึงนี้ ถ้าประเทศแต่ละประเทศสามารถควบคุมการไหลเวียนของสกุลเงินด้วยสกุลเงินดิจิตอลของตัวเองได้ ประเทศนั้นจะสามารถป้องกันความเสี่ยงในช่วงวิกฤตและสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจของประเทศ”
แต่ถึงอย่างไรก็ตามประเทศญี่ปุ่นอาจจะยังไม่สามารถสร้างสกุลเงินดิจิตอลของตนได้ในเร็วๆ นี้เนื่องจากยังคงมีปัญหาทางกฎหมาย แต่ข่าวนี้ทำให้เห็นว่าทางประเทศญี่ปุ่นเริ่มตื่นตัวเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะข่าวความคืบหน้าของ Facebook หรือประเทศคู่แข่งอย่างจีนที่กำลังสร้างเหรียญสกุลเงินดิจิตอลของตัวเองขึ้นมา
หลายคนเชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นมองจีนเป็นคู่แข่ง และพวกเขานั้นกลัวว่าเงินดิจิทัลหยวนนั้นหากมีประชาชนในประเทศจีนกว่า 1.4 พันล้านคนหันมาใช้มันจนหมดประเทศ มันจะกลายมาเป็นมาตรฐานด้านการเงินใหม่ในประเทศจีนทันที
ดังนั้นการเคลื่อนไหวของประเทศญี่ปุ่นในการออกมาสร้างเหรียญคริปโตของตัวเองนั้นก็เพื่อที่จะปกป้องความเป็นผู้นำด้านการเงินในเอเชีย และเพื่อปกป้องเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจของตัวเองด้วย
ซึ่งนาย Kozo Yamamoto ไม่ใช่นักการเมืองคนเดียวที่ออกมาพูดถึงสกุลเงินดิจิตอล ก่อนหน้านี้นาย Akira Amari อดีตรัฐมนตรีกระทรวเศรษฐกิจก็ออกมาเร่งให้รัฐบาลรีบออกสกุลเงินเยนแบบดิจิตอลเพื่อมาแข่งกับทางจีน
ในปัจจุบันองค์กรทางการเงินของประเทศต่างๆ เริ่มตื่นตัวเกี่ยวกับการออกสกุลเงินดิจิตอลกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในจำนวนนั้นประเทศจีนขึ้นมาเป็นผู้นำในการสร้างสกุลเงินดิจิตอลหลังจากที่ทางประเทศจีนได้มีการเปิดตัวแผนการสร้างเหรียญดิจิทัล ซึ่งกับกำดูแลโดยรัฐบาลกลางเพื่อที่จะนำเข้ามาใช้แทนเงินหยวนแบบกระดาษ โดยโครงการดังกล่าวนั้นได้อยู่ในขั้นเริ่มการเตรียมการภายในและยังมีเป้าหมายที่จะเปิดให้ประชาชนใช้งานภายในปี 2020 นี้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น