ในช่วงหลายปีก่อนนั้นเป็นที่รู้กันอย่างดีถึงกระแสการใช้งานสกุลเงินคริปโตอย่าง Bitcoin เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสำหรับการดำเนินการทางด้านอาชญากรรมต่างๆ โดยกรณีดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันในประเทศฟินแลนด์ในช่วงปี 2016 ซึ่งมีการเข้าจับกุมการซื้อขายสินค้าและบริการในตลาดมืดหลายราย
โดยหนึ่งเหตุการณ์การเข้าจับกุมของทางรัฐบาลฟินแลนด์นั้น ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้เข้ายึดของกลางเป็นเหรียญ Bitcoin จำนวนกว่า 1,666 เหรียญ ซึ่งในช่วงปี 2016 นั้นมีมูลค่าโดยเฉลี่ยเพียงเหรียญละ 450 ดอลลาร์ ดังนั้นแล้วปริมาณเหรียญทั้งหมกจึงมีมูลค่ารวมกันเพียง 760,000 ดอลลาร์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามจนกระทั่งในปัจจุบันนี้ทางกรมศุลกากรซึ่งครอบครองเหรียญคริปโตในปริมาณดังกล่าวอยู่นั้นยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ โดยมูลค่าของเหรียญดังกล่าวนั้นได้เพิ่มขึ้นมามากถึง 1,900% ส่งผลให้มูลค่าปัจจุบันนั้นอยู่ที่ 14 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นปริมาณที่มากพอสมควร
ทั้งนี้นาง Pekka Pylkkanen ผู้จัดการของฝ่ายการเงินของกรมศุลกากรนั้นได้ออกมาแสดงความกังวลถึงการจัดการกับเหรียญ Bitcoin ปริมาณดังกล่าวโดยได้กล่าวว่าหากพวกเขานั้นได้เทขายเหรียญในปริมาณดังกล่าวออกไปนั้น เหรียญจำนวนดังกล่าวอาจจะถูกนำไปใช้ในการดำเนินการที่ผิดกฎหมายอื่นๆอีกได้
อย่างไรก็ตามคำกล่าวข้างต้นนั้นดูเหมือนว่าจะไม่เท่าทันกับการดำเนินการที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเท่าไหร่นัก เนื่องจากการดำเนินการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบันหากดำเนินการผ่านบริษัทซึ่งให้บริการซื้อขายอย่างถูกกฎหมายแล้ว การดำเนินการนั้นๆมักจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลอยู่แล้ว
นอกจากนี้นาย Pekka Pylkkanen ซึ่งเป็นนักวิจัยของศูนย์วิจัยด้านเศรษฐกิจของประเทศฟินแลนด์ยังได้ออกมากล่าวถึงปริมาณกิจกรรมซึ่งผิดกฎหมายโดยอาศัยสกุลเงินคริปโตในการแลกเปลี่ยนว่าตัวเลขดังกล่าวได้ลดลงอย่างมากในตลอดช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อีกทั้งนาย Henry Brade ผู้ก่อตั้งหนึ่งในบริษัทซึ่งมีการดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตในประเทศฟินแลนด์นั้นยังได้ออกมายืนยันถึงการจัดการกับเหรียญคริปโตดังกล่าวว่าหากพวกเขาขายเหรียญดังกล่าวโดยไม่ผ่าน Exchange นั้นก็อาจจะต้องแบกรับความเสี่ยงที่เหรียญดังกล่าวจะถูกนำไปใช้อย่างผิดกฎหมาย แต่กรณีจะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดหากเป็นการดำเนินการผ่านบริษัท Exchange ที่ได้รับการกำกับดูแล
ท้ายที่สุดนี้หนึ่งในประเด็นคำถามที่น่าสนใจนั้นเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงราคาของ Bitcoin ซึ่งเห็นได้จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้แล้วว่าตลาดช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมานั้นสินทรัพย์ดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างมาก ซึ่งสิ่งที่กรมศุลกากรควรที่จะตัดสินใจอาจไม่ใช่ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการขายเหรียญทิ้ง แต่เป็นความเหมาะสมว่าควรที่จะขายเหรียญดังกล่าวหรือถือเหรียญต่อไปเพื่อรอให้มูลค่าของเหรียญนั้นเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้อีกเป็นต้น
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น