ในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้เหรียญคริปโตหลักของตลาดอย่าง Bitcoin นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างมาก อย่างไรก็ตามหลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบหลายเดือนเหนือระดับที่ 10,000 ดอลลาร์ เหรียญดังกล่าวต้องพบกับแรงเทขายประกอบกับปัจจัยอื่นๆในตลาดซึ่งดึงให้เหรียญดังกล่าวนั้นไม่สามารถข้ามระดับดังกล่าวขึ้นไปได้ โดยในบทความนี้จะเป็นการกล่าวถึงสองเหตุผลซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงขาลงของตลาดที่กำลังก่อตัวขึ้น
เหตุผลแรก: รูปแบบกราฟที่ซ้ำรอยอดีต
แม้ว่าราคาของ Bitcoin นั้นจะร่วงลงมาอย่างรุนแรง แต่ล่าสุดมันก็สามารถพยุงตัวไว้เหนือเส้น Moving Average ของคาบเวลา 200 วันได้อยู่ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อนำกราฟไปเทียบกับของในช่วงปี 2013-2015 จะพบว่าการเปลี่ยนแปลงราคานั้นได้แสดงถึงนัยยะสำคัญบางอย่าง
กราฟในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงในปัจจุบันนั้นคล้ายคลึงกับการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงปี 2014 -2015 ซึ่งได้เริ่มต้นจากช่วงขาขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งกราฟนั้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบจะตั้งฉากจนกระทั้งทะลุจุดสูงสุด จากนั้นจึงลดระดับลงมาแตะเส้น Moving Average จนตัดกันเกิด Death Cross แม้ว่าช่วงราคานั้นจะมีการกลับตัวขึ้นมาเล็กน้อย และในที่สุดจึงพบกับการตัดกันอีกครั้งของเส้นดังกล่าวในรูปแบบของ Golden Cross ซึ่งเป็นสัญญาณของการกลับตัวของราคาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามหลังจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่างเกิดขึ้นบนกราฟ ราคาของ Bitcoin นั้นกลับดิ่งลงอย่างมากในช่วงหลายเดือนถัดมา ซึ่งหากพิจารณารูปแบบกราฟในช่วงปีก่อนจนถึงปัจจุบันซึ่งเส้น Moving Average ในคาบเวลา 50 วันและ 100 วันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่แทบจะเหมือนกับในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นอาจเป็นสัญญาณถึงการร่วงลงของราคาในเดือนถัด ๆ ไปจนอาจลงไปแตะที่ระดับ 6,000 ดอลลาร์ก็เป็นไปได้
เหตุผลที่สอง: ราคา Bitcoin นั้นยังไม่แตะจุดต่ำสุด
เหตุผลดังกล่าวนั้นดูเหมือนว่าจะสวนทางกับสิ่งที่นักลงทุนในตลาดเข้าใจว่า Bitcoin นั้นได้แตะจุดต่ำสุดเรียบร้อยแล้วในช่วงเดือนธันวาคมปีก่อน ซึ่งเหตุผลนี้ได้รับการสนับสนุนโดยนักวิเคราะห์รายหนึ่งในชื่อ Mac ซึ่งได้ออกมากล่าวว่าตัวเขานั้นวิเคราะห์บนตลาด Bifinex แล้วพบว่า Bitcoin นั้นยังไม่ได้ลงไปแตะจุดต่ำสุดของช่วงขาลงแต่อย่างใด ซึ่งจุดต่ำสุดนั้นอาจจะย่ำแย่กว่าระดับที่ 6,000 ดอลลาร์ก็เป็นได้
นอกจากนี้ยังมีอีกแนวคิดสำคัญซึ่งก็คือความเห็นของผู้คนในตลาด ซึ่งหลักการดังกล่าวนั้นได้รับการยอมรับในตลาดการลงทุนอื่นๆด้วย โดยหลักการดังกล่าวนั้นมาจากแนวคิดที่ว่าเราควรที่จะมองสวนกับทิศความเห็นของผู้คนในตลาด เช่นเมื่อคนคิดว่าตลาดนั้นกำลังรุ่งเรือง จะเป็นสัญญาณของช่วงขาลง แต่หากคนคิดว่าตลาดนั้นกำลังย่ำแย่นั่นหมายความว่าตลาดเตรียมตัวที่จะกลายเป็นขาขึ้นในเร็วๆนี้นั่นเอง
ดังนั้นแล้วหากผู้คนในตลาดมองว่าราคา Bitcoin นั้นจะมีการปรับตัวลงไปเรื่อยๆโดยไม่น่าที่จะกลับตัวขึ้นมาได้อีกแล้วนั้น จะเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าราคาของ Bitcoin นั้นอาจแตะจุดต่ำสุดแล้วนั่นเอง อย่างเช่นในช่วงปลายปี 2018 ซึ่งราคานั้นลงไปต่ำสุดถึง 3,200 ดอลลาร์โดยผู้คนในตลาดต่างคิดว่าราคาจะลดลงไปกว่านั้นอีกนั่นเอง
อย่างไรก็ตามหากทิศทางความเห็นของผู้คนในตลาดนั้นยังไม่เข้าตามแนวคิดดังกล่าวนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าช่วงราคาที่เห็นในเดือนธันวาคมปีก่อนนั้นอาจจะไม่ใช่ระดับต่ำสุดของราคาอย่างที่ผู้คนในตลาดคิดไว้ การปรับตัวลงอีกครั้งของช่วงราคาไปอยู่ที่ 6,000 ดอลลาร์จึงอาจเป็นไปได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น