<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รายงานข่าวดังกล่าวนี้ ส่งผลทำให้นักลงทุนมองว่าตลาดจะเป็นขาขึ้นในเร็ว ๆ นี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitcoin และตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ไม่ใช่สินทรัพย์ประเภทเดียวที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

สัปดาห์นี้ถือว่าเป็นหนึ่งช่วงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีหุ้น Dow Jones และ S&P 500 ร่วงลงกว่า 12% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัปดาห์ที่ร่วงแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตทางการเงินครั้งก่อน

ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) กำลังถูกกดดันให้เตรียมรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าสิ่งนี้จะส่งผลดีต่อ Bitcoin และคริปโตเคอเรนซี่

ธนาคารกลางสหรัฐอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และนั่นจะทำให้ Bitcoin กลับมาเป็นช่วงขาขึ้นอีกครั้ง

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเชื้อไวรัส COVID-19 เริ่มแพร่ระบาดอย่างหนัก ซึ่งมันส่งผลให้ผู้คนตื่นตระหนกและตลาดหุ้นทั่วโลกก็ร่วงลงในเวลาต่อมา

เราจะเห็นได้ว่าตอนนี้ธนาคารกลางสหรัฐกำลังถูกกดดันอย่างหนักเพื่อให้ตอบสนองต่อความกลัวที่เพิ่มขึ้น จนในที่สุดนาย Jerome Powell ประธาน Fed ก็ได้ออกมากล่าวว่า :

“พื้นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้นยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามเชื้อไวรัสโคโรน่า มีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นเราจะใช้เครื่องมือของเราและดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ”

หลังจากที่ Fed ได้มีการเผยแพร่เรื่องราวนี้ออกไป นักวิเคราะห์หลายคนก็ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตุกันว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจเตรียมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้

ดังนั้นนักลงทุนจึงคาดหวังว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนถึงช่วงสิ้นปี 2020 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 

ในขณะเดียวกันนักลงทุนคริปโตก็เชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ อาจทำให้ราคาของ Bitcoin กลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง

Travis Kling ซึ่งบริษัทบริหารสินทรัพย์ของ Ikigai กล่าวว่า โพสต์ทวีตล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นตัวยืนยันแล้วว่า “นโยบายการเงินที่รุนแรงยังคงมีชีวิตอยู่” 

นาย Travis Kling เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาของธนาคารกลางและรัฐบาลที่ “ไร้ประสิทธิภาพ” นั้นจะส่งผลดีต่อ Bitcoin และคริปโตเคอเรนซี่ตัวอื่น ๆ เนื่องจากคุณสมบัติในหลาย ๆ ด้าน อาทิเช่นเรื่องความขาดแคลน , decentralized , จำนวนเหรียญที่มีอยู่อย่างจำกัด , การที่ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ และ ความสามารถในการเก็บรักษามูลค่าของมัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้มันแตกต่างจากเงินเฟียตที่ครอบงำโลกอยู่ในขณะนี้

ที่มา : newsbtc

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น