<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เจ้ามือโอน XRP กว่า 200 ล้านเหรียญอีกครั้ง ท่ามกลางการเทขายที่ดุเดือดจนราคาร่วง 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

วันที่ 16 มีนาคม 2020 มีการรายงานว่าตรวจพบการโอนเหรียญ XRP ในปริมาณมหาศาลหลายครั้งรวมกันได้มากถึง 212 ล้านเหรียญ XRP การโอนเหล่านี้เป็นการโอนโดยเว็บเทรดดิ้งแพลตฟอร์มและเจ้าของวอลเล็ตที่ไม่ทราบนาม มีการคาดการณ์ว่าการโอนครั้งดังกล่าวอาจจะเป็นสัญญาณว่านักเทรดกำลังกอบโกยเหรียญ XRP ในขณะที่ราคาของมันต่ำ การโอนเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะที่นาย Nik Bougalis เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Ripple ออกมาทวีตถึงผลกระทบของเชื้อไวรัสโคโรน่าต่อการทำงานในออฟฟิศ

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในชื่อ XRPL Monitor (@XRPL Monitor) เป็นผู้รายงานการค้นพบการเคลื่อนย้ายเหรียญ XRP มหาศาลครั้งนี้ เขารายงานว่าในระยะเวลา 8 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการโอน XRP ครั้งมหาศาลหลายครั้งจนคิดเป็นจำนวนทั้งหมดได้ 212 ล้านเหรียญ (คิดเป็นเงินดอลลาร์ได้ถึง 29,807,200 ดอลลาร์) XRP ทั้งๆ ที่ราคาของ XRP กำลังอยู่ในช่วงขาลงมาจนถึงระดับ 0.13 ดอลลาร์

ภาพจากทวิตเตอร์

เขารายงานต่อว่าต้นตอของการเหคลื่อนย้ายเริ่มต้นมาจากเว็บเทรดดิ้งแพลตฟอร์มหลายๆ เว็บเช่น Coinbase Pro, Bithumb และ Coinone นอกจากนั้นยังมีวอลเล็ตที่ไม่ทราบชื่อเจ้าของอีกมาก ซึ่งมีทั้งการคาดการณ์ว่าการโอนของเว็บเทรดในปริมาณครั้งละมากๆ เช่นนี้อาจจะเป็นสัญญาณบอกว่านักเทรดในเว็บเหล่านั้นกำลังพยายามซื้อ XRP ในช่วงที่ราคากำลังต่ำลงเพื่อที่จะได้ราคาถูกหรือเป็นเทคนิคการซื้อที่เรียกว่า Buying the Dip

การโอนเหรียญ XRP กว่า 212 ล้านเหรียญในครั้งนี้บังเอิญตรงกับการที่นาย Nik Bougalis หัวหน้าทีม C++ ของ Ripple และผู้ก่อตั้ง Code Laboratories ออกมาโพสต์ในทวิตเตอร์ของตนเพื่อให้คำแนะนำสำหรับการบริหารการทำงานจากบ้าน นาย Nik Bougalis ออกมากล่าวว่าใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำงานระยะไกลให้มาถามเขาได้ นอกจานั้นเขายังให้คำแนะนำเกี่ยวกับโปรแกรมสำหรับการสื่อสารในการทำงานระยะไกลด้วย เขาโพสต์ว่า:

“ผมมีประสบการ์ทำงานระยะไกลมากว่า 20 ปีและผมเป็นผู้นำของกลุ่มทำงานขนาดใหญ่ที่ Ripple ถ้าคุณ (โดยเฉพาะเหล่าผู้บริหาร) ไม่มีประสบการณ์การทำงานระยะไกลและมีคำถาม พวกคุณสามารถถามผมได้เลย! ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้คำตอบและแบ่งปันข้อมูลเพื่อช่วยคุณและทีมงานของคุณ”

สำหรับคำแนะนำเรื่องการใช้แอพสื่อสารสำหรับทีมงานเขาตอบว่า:

“ผมคิดว่าการใช้ระบบ Voice over IP ก็ดีแต่ผมว่าการใช้เครื่องมือที่ทำงานแบบ text-based (เช่น Slack และ IRC) จะมีประโยชน์มากกว่า เครื่องมือเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหางานในเวลาที่พวกเขาสะดวก ซึ่งแบบนี้จะสะดวกกว่าพวกเขามากกว่า ในขณะที่การใช้แอพสื่อสารแบบเสียงจะทำให้พวกเขาเข้าถึงเนื้อหางานได้ในระยะเวลาจำกัดเท่านั้น”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น