<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ชุมชนแพลตฟอร์ม Steemit วางแผน Hardfork แยก หลัง Justin Sun เข้าซื้อ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บล็อกเชนสำหรับบล็อกเกอร์ที่ทุกคนรู้จักกันดี ‘Steem’ กำลังเตรียมย้ายบล็อกเชนไปที่ Hive.io , CoinDesk แล้ว โดยการ Hardfork มีกำหนดที่จะเกิดขึ้นในศุกร์นี้

“นาย Justin Sun คงคิดว่านี่เป็นสงครามการโหวตลงคะแนน” นาย Dan Notestein ผู้ก่อตั้ง Blocktrade กล่าวในระหว่างให้สัมภาษณ์กับทาง CoinDesk , Blocktrades นั้นเป็นหนึ่งแพลตฟอร์มการตรวจสอบชั้นนำของ Steem blockchain และ เขาก็เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาที่ประสานงานเกี่ยวกับการ Hardfork

ก่อนหน้านี้นาย Justin Sun ผู้ก่อตั้ง Tron เพิ่งได้เข้าซื้อกิจการของ Steemit ไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ การซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อระหว่างนาย Justin Sun และชุมชน Steem ว่าฝ่ายใดจะขึ้นมาเป็นผู้นำ เพราะปัญหาก็คือกองโทเค็นจาก Steemit Inc. ซึ่งถูกควบคุมโดยโทเค็นที่รู้จักกันในชื่อ “ninja-mined stake” นั้นนาย Justin อาจใช้มันเพื่อตัดสินชะตากรรมของบล็อกเชน

การ Hardfork บล็อกเชนในครั้งนี้จะช่วยให้โทเค็นจากกองทุนพัฒนาเดิมที่ถูกควบคุมโดย Steemit ของนาย Justin Sun ไม่ถูกส่งต่อไปยัง chain ใหม่

“เขาไม่เข้าใจว่าคุณค่าพื้นฐานของโทเค็นเหล่านั้นคือชุมชน” Notestein กล่าว “ ในที่สุดถ้ามีคนไม่มากพอที่จะสนับสนุนโทเค็นเหล่านั้นพวกมันก็จะไร้ค่า”

Decentralize

Steem เป็นที่เหรียญคริปโตที่รู้จักกันดีในฐานะเหรียญทางเลือกของนักเขียนบล็อก , เขียนบทความและได้รับส่วนแบ่งเล็กน้อยเป็นผลตอบแทน ตามความนิยมของโพสต์นั้น ๆ 

Notestein เป็นเหมือนพยานที่การทำยืนยัน confirm (เหมือนกับนักขุด bitcoin) บน Steem blockchain นอกจากนี้เขายังให้บริการที่คล้ายกับ ShapeShift ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสลับเปลี่ยนเหรียญไปมาระหว่างเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ  

ในช่วงเมื่อวานนี้เขาได้เขียนโพสต์บน Steem ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้นในกลุ่ม Slack โดยมีรายละเอียดของแผนคร่าว ๆ ว่าพวกเขากำลังจะทำการ Hardfork บล็อกเชนใหม่เพื่อให้มูลนิธิ Tron Foundation ถูกปิดตัวลงอย่างสิ้นเชิง โดยบล็อกเชนใหม่นั้นเรารู้จักกันดีในชื่อว่า “Hive” 

Steemit กล่าวว่ามันอาจจะใช้เวลาประมาณสองสามสัปดาห์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ในเกม Splinterlands เปลี่ยนผ่านไปยังบล็อกเชนตัวใหม่ ซึ่งเป็น Steem dapp ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอ้างอิงจากเว็ปไซต์ Dapp.com เจ้าของ SteemD กล่าวว่า ผู้ใช้สามารถเลือกได้ระหว่างทั้งสอง chain ว่าจะใช้ทางไหน ซึ่งหากว่า chain ไหนมีผู้ใช้มากที่สุด Dapps ก็เปลี่ยนไปใช้ chain นั้น ๆ และทีมจะปรับเทคโนโลยีทั้งหมดในตอนสุดท้าย

จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ?

นักพัฒนาจะทำการเก็บข้อมูลกระเป๋าวอลเล็ททั้งหมดไว้ที่บล็อกบางส่วน จากนั้นพวกเขาก็จะทำการจัดสรรกระเป๋าวอเล็ทที่มีโทเค็นปริมาณเท่า ๆ กันไว้ใน chain ใหม่ 

ทุกคนที่มีโทเค็นบน Steem ก็จะมีโทเค็นใน chain ใหม่เดียวเช่นกัน ยกเว้นกระเป๋าวอเล็ท Steemit ที่ควบคุมโดยมูลนิธิ Tron Foundation ของนาย Justin Sun

“แผนของเราก็คือการทำให้มันง่าย, สะดวกและรวดเร็ว” นาย Notestein กล่าว 

อย่างไรก็ตามนาย Justin Sun อาจจะวิธีให้เว็ปเทรดคริปโตช่วย เพื่อให้บล็อกเชนของเขาได้รับคะแนนโหวตเพิ่มขึ้น เช่นการร่วมมือกับทาง Binance หรือ Huobi ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ Tron

“หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งแรก มันจะเป็นการปรับปรุงในเรื่อง DPoS [distributed proof-of-stake] เพื่อใช้ป้องกันการโจมตีจากเว็ปเทรด” นาย Notestein กล่าว โดยหลักการของมันก็คือ หากผู้ใช้ใน blockchain ใหม่ทำการ stake โทเค็นของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาก็จะไม่สามารถมีส่วนร่วมในการโหวตลงคะแนนได้เป็นระยะเวลา 30 วัน

Steem จะทำการล็อคโทเค็นของผู้ใช้ทันที เมื่อมีพวกเขาตัดสินใจโหวตลงคะแนน โดยโทเค็นพวกเขาจะถูกล็อคไว้ในสถานะ staking เป็นระยะเวลา 13 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะถูกปล่อยคืนกลับไปหาผู้ใช้

ปัจจุบันเหรียญ Steem มีมูลค่าตลาดโดยรวมอยู่ที่ 46 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลจาก CoinMarketCap ซึ่งนาย Notestein คาดว่าจะตัวเลขเหล่าจะมีการปรับลดลง หลังจากการ Hardfork

นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าที่ผู้ใช้ที่กำลังถือเหรียญอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นเพราะพวกเขาต้องการรอรับโทเค็นของบล็อกเชนตัวใหม่และคาดว่าพวกเขาจะทำการเทขายโทเค็นทันทีหลังจากการ Hardfork  ซึ่งนาย Notestein บอกว่าเขามีแผนที่จะเทขายพวกมันเช่นกัน

การจากไปของนาย Justin Sun

นาย Notestein คิดว่าชุมชนนักเขียนส่วนใหญ่ของ Steem จะสลับเปลี่ยนไปใช้บล็อกเชนตัวใหม่อย่างแน่นนอน โดยโพสต์ของ Notestein เกี่ยวกับการ Hardfork นั้นได้รับคะแนนโหวตมากถึง 1,700 โหวตและอีกกว่า 700 ความคิดเห็นแล้วในปัจจุบัน

“วิธีที่นาย Justin Sun เข้ามาใน Steem เขาแค่พยายามทำให้ทุกคนคิดผิด” Notestein กล่าว “สิ่งเดียวที่เกี่ยวกับ Steem ก็คือ พวกเราจะแนะนำให้ผู้คนรู้จักกับแนวคิดมากมายของคริปโต แม้ว่าพวกเขาจะเข้ามาที่นี่เพียงแค่เขียนบล็อกก็ตาม”

เมื่อการเจรจาของนาย Justin Sun ไม่เป็นผล เขาก็ได้มุ่งหน้าไปที่ Steemit เพื่อขอให้พยานทุกคนมาอยู่ฝั่งเดียวกันกับเขา แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับแห้วกลับไป 

ที่มา : coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น