ในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาราคา Bitcoin เริ่มฟื้นตัวจากการร่วงครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ราคา Bitcoin ในตอนนั้นร่วงจากระดับ 10,000 ดอลลาร์ลงไปต่ำสุดที่ 3,800 ดอลลาร์ และฟื้นมาที่ระดับ 6,600 ดอลลาร์ และแม้ว่าเกือบจะทะลุแนวต้านที่ 7,000 ดอลลาร์ได้เมื่อวานนี้ แต่มันก็ล้มเหลวอีกครั้ง
สาเหตุแรกคือตลาดสินทรัพย์ทั่วโลกกำลังอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอนอย่างรุนแรง มีนักลงทุนจำนวนมากที่กลัวว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงแปรปรวนอย่างหนักจนไม่กล้าลงทุน นอกจากนั้นนักลงทุนต่างมีความกลัวมากขึ้นเมื่อราคา Bitcoin พุ่งขึ้นแต่ไม่สามารถทำลายแนวต้าน 7,000 ดอลลาร์ได้ เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้มันมักเป็นสัญญาณว่า Bitcoin จะร่วงลงอีกครั้ง
นาย Crypto Cactus นักเทรดในทวิตเตอร์โพสต์ในทวิตเตอร์ @TheCryptoCactus ว่าราคา Bitcoin ยังมีความหวังที่จะขึ้นไปได้ แต่มันก็ยังไม่แน่นอนเช่นกัน เขากล่าวว่า:
“ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าราคา Bitcoin จะมุ่งไปในทิศทางไหนหลังจากที่มันยังวนเวียนอยู่ที่ 6,800 – 7,000 ดอลลาร์ ถ้ามันเปลี่ยนระดับนี้เป็นแนวรับได้จะดีมาก! ส่วนตัวแล้วผมจะยังไม่เทรดแบบลอง (Long) ในช่วงที่แนวต้านมันชัดเจนแบบนี้ ส่วนพวกคุณอยากเห็นราคามันมุ่งไปแบบไหน?”
สาเหตุที่สองคือคนทั่วโลกในตอนนี้ต่างมีความต้องการเก็บเงินสดมากกว่าจะเอาไปซื้อ Bitcoin ทำให้มีคนลงทุนน้อยมาก ในตอนนี้ประชาชนที่สภาพการเงินมั่นคงเองก็ยังไม่กล้าลงทุนใดๆ เพิ่ม นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าผลกระทบนี่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจในระยะยาวอีกด้วย
แต่ถึงอย่างไรก็ตามข่าวการที่รัฐบาลทั่วโลกพยายามอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจเช่นการที่สหรัฐเตรียมเสนอแผนอัดฉีดเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์อาจเป็นผลดีต่อตลาดสกุลเงินดิจิตอลเพราะมันจะทำให้มูลค่าของเงินปกติลดลง และคนอาจจะหันมาใช้ Bitcoin
สาเหตุที่สามคือการที่คนรุ่นใหม่ต่างต้องหยุดพักการลงทุนของตน มีการรายงานว่านักลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิตอลประกอบไปด้วยนักลงทุนที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปีเป็นส่วนมาก พวกเขาเหล่านี้เลิกติดตาม Bitcoin หลังจากที่ชีวิตประจำวันของตนได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า นอกจากนั้นยังมีหลายคนที่ต้องเอาเวลาไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวในช่วงวิกฤต และนักลงทุนที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องหยุดเรียน
ดังนั้นแล้วหากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 ดีขึ้นและปัจจัยหลายอย่างกลับมาสู่สภาพปกติ นักลงทุนจำนวนมากอาจจะกลับมาและทำให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง แต่คำถามสำคัญในปัจจุบันก็คือเมื่อไหร่ที่สถานการณ์ไวรัสโคโรน่านี่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น?
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น