ในขณะนี้ดูเหมือนว่าผู้เชี่ยวชาญทางการเงินทั้งหลายจะเริ่มให้ความสำคัญกับทองคำ ในช่วงที่มีความวุ่นวายทางการเงินเกิดขึ้น คุณสมบัติในการเก็บรักษามูลค่าของทองคำในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจนั้นทำให้หลายคนเชื่อว่ามันจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ ทั้งหมดในอีกช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
ทองคำจะอยู่เหนือสินทรัพย์อื่น ๆ ทั้งหมด
ตลาดหุ้น , น้ำมันและ cryptocurrency ได้ร่วงลดลงอย่างหนักในช่วงเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีสัญญาณของการฟื้นตัวเกิดขึ้น แต่นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงทั่วโลกก็ได้รวมตัวกันเพื่อทำนายว่าวันโลกาวินาศกำลังเตรียมที่จะอุบัติขึ้นแล้ว
ท่ามกลางช่วงวิกฤตเช่นนี้ ทองคำได้ทำหน้าที่ของการเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างแท้จริง ดังคำที่นักลงทุนชื่อดัง Jim Rogers กล่าวเอาไว้ว่า “เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนสูญเสียความมั่นใจในมูลค่าเงินและในตัวของรัฐบาล พวกเขามักจะหันมาซื้อทองคำและแร่เงิน”
ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งล่าสุดเมื่อปี 2008 ทองคำได้สูญเสียมูลค่าของมันในช่วงแรก (เหมือนตอนนี้) เมื่อนักลงทุนเกิดความตื่นตระหนกและเทขายสินทรัพย์ของพวกเขา แต่ท้ายที่สุดมันก็ได้พุ่งทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้บทบาทของทองคำอาจมีความสำคัญมากกว่าอดีตที่ผ่าน ๆ มา เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลทั่วโลกกำลังใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากมาย ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้ทองคำกลายเป็นสิ่งจำเป็นในอนาคตอันใกล้ กล่าวโดยนาย Roy Sebag CEO และผู้ก่อตั้ง Goldmoney Inc.
“ธนาคารกลางได้สูญเสียเครืองมือที่ทรงพลังที่สุดอย่างเป็นทางการแล้ว ทองคำกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่เข้ามาต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาคแห่งนี้และจะเติบโตอย่างรวดเร็ว”
เช่นเดียวกับผู้ที่คลั่งไคล้ในทองคำอย่างนาย Peter Schiff ที่เห็นด้วยว่าทางออกเดียวสำหรับสหรัฐฯ ในการหลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อก็คือ การนำมาตรฐานทองคำคืนกลับมา นอกจากนี้เขากล่าวเตือนด้วยว่า “ยังมีการผลกระทบอีกมากมายที่กำลังจะตามมาไม่ช้า”
แตกต่างจากในอดีต
วิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะมีความแตกต่างกับในอดีตโดยสิ้นเชิง เนื่องจากช่วงภาวะถดถอยครั้งใหญ่เมื่อปี 2009 สิ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือที่อยู่อาศัยของผู้คนและสถาบันธนาคาร แต่สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นได้ส่งผลกระทบโดยตรงไปยังทุก ๆ อุตสาหกรรมทั่วโลก
ตอนนี้หลาย ๆ ประเทศได้ประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์ซึ่งจะเป็นการขัดขวางการดำเนินของธุรกิจอย่างชัดเจนและท้ายที่สุดสิ่งนี้ก็จะเข้าขัดขวางการเติบโตของทองคำเช่นเดียวกัน เนื่องจากการส่งมอบทองคำนั้นไม่สามารถเข้าถึงนักลงทุนได้ ผลกระทบแบบโดมิโนจะยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ตลาด gold future ที่กำลังแสดงให้เห็นถึงส่วนต่างของการแลกเปลี่ยนที่มีความแตกต่างกันสองถึงสามหลักต่อออนซ์
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น