<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

YouTube เริ่มเซนเซอร์วีดีโอด้าน Cryptocurrency หนักมากขึ้น ชุมชุนไม่พอใจ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในตอนนี้ดราม่าระหว่างชุมชนสกุลเงินดิจิตอลกับช่อง Youtube กำลังดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายมีความขัดแย้งมาอย่างยาวนาน ช่องยูทูปแบนแชนแนลที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคริปโตมาโดยตลอด และล่าสุดมันได้ถอดช่องเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลชื่อดังออกไปโดยที่ไม่มีเหตุผลมารองรับ ทำให้ชุมชนสกุลเงินดิจิตอลออกมาแสดงความไม่พอใจกันอย่างมาก

นาย Jason Appleton หรือเจ้าของ (อดีต) แชนแนล Crypto Crow ในยูทูปออกมาโพสต์ในทวิตเตอร์ของตนเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2020 ว่าช่องของเขาโดนทางยูทูปลบไปแล้ว ซึ่งทวิตเตอร์โพสต์ของเขาก็มีคนมาแสดงความคิดเห็นต่อการกระทำของยูทูปกันอย่างล้นหลาม เขาโพสต์ในตอนแรกว่า:

“ดูเหมือนช่องยูทูปของผมจะโดนยูทูปถอดออกโดยที่ไม่มีคำเตือนก่อนเลย ผมไม่เคยเจออะไรรุนแรงขนาดนี้มาก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแชนแนลของผมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ พวกเขาไม่บอกอะไรผมเลยสักนิด ตอนนี้ผมรู้สึกแย่และทำอะไรไม่ถูก ผมรู้สึกว่าที่ผ่านมาผมก็ทำทุกอย่างถูกต้องมาโดยตลอด”

ผู้ใช้ Keith Wareing ซึ่งเป็นยูทูปเบอร์เช่นกันก็มาแสดงความเห็นใจว่า:

“มันแย่มากเลยนะ Jason ขอแสดงความเสียใจด้วย เท่าที่ผมได้ยินมาแชนแนลที่โดนถอดออกจะได้รับการบรรจุใหม่ภายในไม่กี่วัน ดังนั้นมันอาจจะยังมีความหวังนะ”

หลังจากนั้นแล้วผู้ใช้ทวิตเตอร์จำนวนมากก็มาคอมเม้นวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเซ็นเซอร์ของยูทูปอย่างร้อนแรง มีหลายคนแสดงความคิดเห็นว่ายูทูปเบอร์คริปโตทั้งหมดควรจะเปลี่ยนช่องทางลงคอนเท้นไปยัง LBRY ซึ่งไม่มีมือที่สามคอยควบคุมแทนที่จะใช้ยูทูปซึ่งมีตัวกลางคอยควบคุมเนื้อหา ถ้าพวกเขาย้ายไป LBRY พวกเขาก็จะไม่มีทางโดนเซ็นเซอร์อย่างแน่นอน

ซึ่งเมื่อมาดูกันในแง่ของความเสียหายแล้วช่อง Crypto Crow นั้นจะสูญเสียข้อมูลและผู้ติดตามไปมหาศษลเนื่องจากเป็นแชนแนลที่เปิดมาหลายปี หากนาย Jason Appleton  ไม่มีแบ็คอัพของวิดีโอที่เขาเคยอัพโหลดไว้เขาก็จะเสียข้อมูลทั้งหมดนั้นไป

ซึ่งบุคคลชื่อดังในโลกสกุลเงินดิจิตอลก็ไม่นิ่งเฉยกัดราม่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างยูทูปและชุมชนคริปโต นาย Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple เคยออกมาโจมตียูทูปในสาเหตุที่ว่ายูทูปปล่อยให้มีคนแอบอ้างชื่อเขาไปหาผลประโยชน์ส่วนตัวในยูทูป โดยเขากล่าวว่าเขาหมดความอดทนแล้ว เขาโพสต์ว่า:

“พอก็คือพอ”

นอกจากนั้นเขายังโพสต์เรียกร้องให้ทางโซเชียลมีเดียมีแนวทางการป้องกันข้อผิดพลาดแบบนี้ เขาบอกว่า:

“ํยูทูป อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ หรืออื่นๆ นั้นควรต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่งั้นมันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ”

ในตอนนี้ดราม่าในทวิตเตอร์ก็ยังไม่จบลง ต้องรอดูกันต่อไปว่าถ้าหากช่องของ Crypto Crow ถูกบรรจุกลับเข้ามาได้ชุมชนคริปโตจะใจเย็นลงบ้างหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าโลกคริปโตกับยูทูปอาจจะแยกทางกันในอนาคตถ้าเหล่ายูทูปเบอร์ทนไม่ไหวและย้ายช่องทางลงเนื้อหา

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น