แม้ว่าปี 2019 ที่ผ่านมานั้นเหรียญ XRP ดูมีแนวโน้มที่จะสร้างความหวังให้กับนักลงทุนได้ในหลายครั้ง แต่ทว่าในปีนี้มันจะดูย่ำแย่กว่าในปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากรายงานของบริษัทด้านการวิเคราะห์ชื่อดัง Messari
โดยรายงานได้กล่าวว่าเหรียญ XRP นั้นเป็นเหรียญคริปโตที่ให้ผลตอบแทนยอดแย่ที่สุดในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา จากลิสต์ทั้งหมดที่ถูกคัดมา 25 เหรียญ (ใช้มูลค่าตลาดเป็นตัวตั้ง) โดยก่อนหน้านี้อันดับของ XRP นั้นได้ตกลงมาจากอันดับสามของโลกอีกด้วย เนื่องจากว่ามูลค่าตลาดที่ต่ำลง และในตอนนี้ราคานั้นก็กำลังทำจุดต่ำสุดในรอบปีที่ 0.184 ดอลลาร์
สาเหตุหลัก ๆ นั้นมีจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่กำลังส่งผลกระทบต่อราคาของเหรียญ XRP ในปีนี้
ในด้านของตลาดนั้น เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไวรัสโคโรน่าได้ทำให้ผู้คนในตลาดกำลังกลัวและแห่เทขายในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยนั้น เป็นที่คาดการณ์ว่าการกระทำของบริษัท Ripple อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวนี้
“เมื่อช่วงต้นปีนี้ CEO ของ Ripple นาย Brad Garlinghouse ได้เผยว่าทาง Ripple นั้นกำลังจะไม่อยู่ในภาวะกำไรอีก หากไม่ทำการขายเหรียญ XRP ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าการขายเหรียญ XRP นั้นสามารถช่วยทำให้บริษัทอยู่รอดได้” อ้างอิงจาก Messari
ก่อนหน้านี้เรื่องราวการขาย XRP ของ Ripple นั้นทำให้ชุมชนคริปโตต้องออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมาก แต่ในอีกแง่หนึ่งนั้นทาง Ripple นั้นก็ค่อนข้างที่จะมีความโปร่งใสในการเทขาย XRP ของพวกเขา โดยกล่าว่าทางบริษัทนั้นไม่ได้ “ใส่ใจอะไรมากนักเกี่ยวกับราคาของ XRP” และพวกเขาก็ไม่ได้ต้องการที่จะหยุดการกระทำนี้แบบถาวร ส่วนในอีกด้านหนึ่งนั้น ผู้ที่ถือเหรียญ XRP ที่ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของราคานั้นได้ออกมาแสดงความไม่พอใจบนโซเชียลถึงการกระทำดังกล่าวนี้
ทาง Messari กล่าวว่าด้วยความที่เหรียญ XRP นั้นมีความไม่แน่นอนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนั้น มันจึงทำให้ภาพที่ออกไปยังนักลงทุนส่วนมากนั้นดูเป็นลบ นอกจากนี้ทาง Ripple ยังเคยถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับการขาย XRP ที่ขัดต่อข้อกฎหมายเกี่ยวกับหลักทรัพย์อีกด้วย ซึ่งทำให้มีการตั้งคำถามขึ้นมาว่า XRP นั้นใช่หลักทรัพย์หรือไม่ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเหมือนเหรียญคริปโตที่อยู่บน Blockchain เหมือนกับ Bitcoin แต่ในอีกแง่หนึ่งก็คือ บริษัทนั้นเป็นผู้สร้างเหรียญเอง และสามารถเทขายได้ดั่งใจ อีกทั้งราคาของมันนั้นก็สะท้อนสภาพของบริษัทอีกด้วย
ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า XRP นั้นจะสามารถที่จะเรียกความมั่นใจจากนักลงทุนกลับมาได้หรือไม่
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น