จากที่ราคาน้ำมันร่วงลงจนติดลบทำให้เราอาจมองได้ว่าราคาของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นไม่มีเพดาน ซึ่งปัญหาที่ก๊าซธรรมชาติราครร่วงจนติดลบเช่นนี้นั้นในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วเนื่องจากปัญหาด้านโลจิสติกส์ แล้วมันจะส่งผลกระทบอะไรกับ Bitcoin หรือเปล่า นี่เป็นปัญหาที่น่าฉุกคิด
อ้างอิงจาก CFTC ได้กล่าวว่า Bitcoin นั้นเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เมื่อพิจารณาทางเทคนิคแล้วมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ซึ่งรวมถึงสกุลเงินและดัชนีต่างๆ ด้วย สินค้าเหล่านี้มักมีเพดานราคา มันอาจจะร่วงแตะศูนย์ได้เช่นกัน แต่ไม่ต่ำกว่านั้น
แต่ถ้ามูลค่าของสินค้าการเงินนั้นอิงจากสินค้าอ้างอิงที่ซื้อขายในราคาติดลบ? USO เป็น ETF ที่ใหญ่ที่สุดในภาคพลังงานและที่ราคาน้ำมันนั้นต่ำกว่าศูนย์ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการส่งมอบน้ำมันที่ต้องส่งมอบกันจริงๆ และไม่มีใครรู้ว่าจะต้องเก็บน้ำมันไว้ที่ไหน แต่ ETF เป็นสินค้าทางการเงินและไม่สามารถซื้อขายต่ำกว่าศูนย์ได้
สัปดาห์นี้ทาง USO ได้ประกาศการแบ่งส่วนหุ้นเพื่อผลักดันราคาให้อยู่เหนือข้อกำหนดขั้นต่ำของ Nasdaq และเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนเพื่อและมุ่งเน้นไปที่ฟิวเจอร์สระยะยาว นอกจากนี้ยังยื่นขออนุมัติเพื่อออกหุ้นเพิ่มเติมเนื่องจากเงินเริ่มหลั่งไหลเข้ามาแล้วซึ่งอาจจะมาจากนักลงทุนรายย่อยที่หวังว่าราคาจะฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ
Fund inflows into USO – Source: FactSet
Bitcoin ETF อาจขึ้นอยู่กับสินค้าทางการเงินที่ทำงานบนเครือข่ายทั่วโลกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ Exchange หลักส่วนใหญ่มีการเฝ้าระวังตลาดและการปรับปรุงสภาพคล่องในตลาดซึ่งมันทำให้ราคา ETF นั้นสามารถติดตามมูลค่าตลาดของสินทรัพย์อ้างอิงอย่างใกล้ชิดทำให้นักลงทุนมั่นใจในความชัดเจนและโปร่งใส
นโยบายใดๆ ของ ก.ล.ต. ที่เกี่ยวกับ Bitcoin ETF นั้นคงจะไม่มีเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ เพราะว่ายังไม่ได้มีการยื่นขออนุมัติกองทุน ETF เพิ่มอีก แต่เหตุผลที่ให้ขณะปฏิเสธการอนุมัติกองทุนและลักษณะสาธารณะที่เห็นได้ชัดของ ETF ที่ได้รับการอนุมัติจำนวนมากซึ่งยังไม่ตรงตามเกณฑ์ที่ยกมาอาจทำให้ผู้กำกับดูแลต้องฝืนสัญชาตญาณตนเอง
มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง?
สัปดาห์นี้ราคาคริปโตค่อนข้างจะทำผลงานได้ดีราคา Bitcoin พุ่งแตะ 7,800 ดอลลาร์ และในขณะนี้ลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 7,741.33 อ้างอิงข้อมูลของ CoinDesk BPI
BTC/USD 17-24 เม.ย. Source: CoinDesk BPI
ด้านนักเทรดรายหนึ่งนาย Zack Voell มองว่าที่ราคามันพุ่งสูงเช่นนี้อาจเป็นเพราะสัญญาฟิวเจอร์หมดอายุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และความรู้สึกของนักลงทุนที่เปลี่ยนไปเช่นกัน เป็นไปได้ว่าอาจเพราะการ Halving นั้นใกล้เข้ามาทุกที่อีกประมาณสองสัปดาห์เท่านั้น
ข่าวในอุตสาหกรรมคริปโตนั้นมีมาให้เห็นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ หรืออุตสาหกรรม DeFi ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนสถานการณ์อื่นๆ ทั่วโลกนอกอุตสาหกรรมคริปโตก็จะมีสถานการณ์ความตึงเครียดในยุโรปเนื่องจากอิตาลีซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของสหภาพยุโรปกำลังมีปัญหา ตลาดเอเชียก็กำลังเล่นข่าวสุขภาพของคิมจองอึนและข่าวโควิท-19
ท่ามกลางสถานการณ์โลกเช่นนี้ราคา Bitcoin ยังทำผลงานได้ดีกว่า S&P 500 ส่วนทองคำและพันธบัตรรัฐบาลก็มีราคาดีขึ้นมากในปีนี้
ข่าวความคืบหน้าอื่นๆ
นิตยสาร The Economist เผยว่ารัฐบาลต่างพยายามคิดหาวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ซึ่งบางวิธีการก็ไม่ได้ดีซึ่งรวมถึงนโยบาย “การควบคุมทางการเงิน” ของเศรษฐกิจในรูปแบบของการควบคุมเงินทุน, อัตราแลกเปลี่ยนคงที่, การให้กู้ยืมธนาคารแบบปันส่วนและอัตราดอกเบี้ย
นโยบายต่างๆ นั้นสะท้อนมาจากนโยบายทางการเมือง ณ ขณะนั้น แน่นอนเศรษฐกิจสมัยใหม่ต้องผ่านความยากลำบากมาก่อนซึ่งจำเป็นต้องเสียสละเชิงอุดมการณ์ แต่ไม่ใช่ในเวลาที่มีทางเลือกอื่น ๆ ในการใช้สกุลเงินของธนาคารกลางและไม่ใช่ในเวลาที่เป็นไปได้ที่จะเคลื่อนย้ายความมั่งคั่ง นั่นทำให้รัฐบาลอ่อนแอลงด้วยค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ได้รับอำนาจ? หรือรัฐบาลสามารถใช้คริปโตเคอร์เรนซีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตัวเอง?
การปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องเมื่อเกิดวิกฤติเช่นนี้อาจเป็นผลดีต่อมูลค่าของ Bitcoin เนื่องจาก Bitcoin มีปริมาณที่จำกัด แต่ถ้าโลกเข้าสู่ภาวะเงินฝืดนั่นหมายความว่า Bitcoin จะมีมูลค่าต่ำกว่านั้นหรือเปล่า? ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปเพราะกำลังซื้อมันเพิ่มขึ้นและ Bitcoin ก็มีลักษณะคล้ายกับทองคำ ในช่วงเวลาที่เงินฝืดอาจทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพดีกว่า แต่อย่าลืมว่า Bitcoin เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งล่าสุดดังนั้นปฏิกิริยาและความสัมพันธ์ของมันจึงยังไม่ได้รับการทดสอบ เราไม่ทราบว่าจะใช้สถานการณ์ใดดีที่สุดและทฤษฎีเศรษฐศาสตร์สามารถพิสูจน์ความแปรปรวนได้
การใช้งาน stablecoins ในทุกวันนี้ก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ผลงานการวิจัยจาก University of California Berkeley’s Haas Blockchain Initiative ก็ได้เผยว่าการออกเหรียญ stablecoin ไม่ได้ช่วยทำให้ราคาเหรียญคริปโตเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมันสวนทางกับรายงานที่ชี้ว่า Tether นั้นมีอำนาจควบคุมตลาด Bitcoin (Source: Omniexplorer และ Etherscan,)
รายงานข่าวอื่นๆ ก็จะมี Starbucks และ McDonald อาจเข้าร่วมทดลองเงินดิจิทัลหยวนของจีนด้วย การที่ธนาคารกลางออกเหรียญดิจิทัลของตนออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกยินดีที่จะใช้งานวอลเล็ทดิจิทัลมากกว่าด้วย
ทาง CFTC ก็ได้อนุญาตให้บริษัทคริปโต Bitnomial Exchange ให้สามารถส่งมอบสัญญาฟิวเจอร์และ Options ได้จริง ผู้ให้บริการด้านข้อมูลคริปโตและบล็อกเชน Amberdata เผยว่าราคา Bitcoin อาจพุ่งทะลุ $100,000 ภายในปี 2021 เมื่อดูจากโมเดล S2F
ที่มา : coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น