หากคุณเคยอ่านข่าวล่าสุดที่ถูกรายงานโดยสยามบล็อกเชนเกี่ยวกับเรื่องราวของเด็กชาย Ellis Pinsky นักแฮ็ครุ่นเยาว์ที่เคยขโมย Bitcoin ของเศรษฐี Michael Terpin มาได้กว่า 750 ล้านบาทเมื่อราว ๆ สามปีก่อน จนทำให้เหยื่อผู้ถูกขโมยเหรียญดังกล่าวถึงกับต้องออกมาบอกว่าจะรอฟ้องเด็กชาย Pinsky ตอนเขามีอายุ 18 ปีบริบูรณ์นั้น บทความนี้คือเรื่องราวของลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เคยให้ความช่วยเหลือเด็กชาย Pinsky ในด้านการแฮ็ค Bitcoin จากเหยื่อจนต้องถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายสามเท่าและถูกจำคุกไปแล้ว
นาย Nicholas Trugia เด็กหนุ่มอายุ 21 ปีชาวสหรัฐฯจากนิวยอร์ค ผู้ที่เคยถูกจับกุมในข้อหาขโมยเหรียญคริปโตผ่าน SIM swap เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนเมื่อปีที่แล้วจนเป็นข่าวอาจได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักแฮ็คที่น่าสงสารที่สุดเลยก็ว่าได้
เหตุการณ์การแฮ็คที่เปลี่ยนให้เขาเป็นมหาเศรษฐีในช่วงข้ามคืนนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคมปี 2018 โดยช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่ชาวคริปโตทั่วโลกกำลังเฉลิมฉลองการทำจุดสูงสุดใหม่ของราคา Bitcoin ที่ 20,000 ดอลลาร์ได้ไม่นาน
เทคนิคที่เขาใช้ในตอนนั้นก็คือการทำ SIM swap หรือการโทรไปหลอก operator ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ทำการส่ง SIM อันใหม่มาให้กับมิจฉาชีพ โดยหลังจากนั้นมิจฉาชีพก็จะนำมันไปใช้เพื่อกู้รหัสผ่านจากเว็บกระดานคริปโตของเหยื่ออีกทีหนึ่งผ่าน SMS otp
รายงานจาก KrebonSecurity เผยว่านาย Truglia นั้นไม่ได้ทำการขโมยเหรียญคริปโตแค่จากนาย Terpin เท่านั้น แต่ยังทำการขโมยจากผู้บริหารบริษัทอื่น ๆ ใน Silicon Valley อีกด้วย
เมื่อเขาได้เงินจากการแฮ็คมาราว ๆ 24 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 760 ล้านบาทนั้น รายงานเผยว่าเขาได้พาเพื่อน ๆ ไปงาน Super Bowl ด้วยการอารักขาของดาราหนังโป๊ เพื่อเฉลิมฉลองการแฮ็คของเขา
เรื่องราวดูเหมือนว่าจะดำเนินไปด้วยดีสำหรับนาย Truglia จนกระทั่งเขาเริ่มที่จะคุยโวโอ้อวดถึงความสำเร็จของตัวเองด้วยการส่งข้อความไปหาพ่อและเพื่อน ๆ ของเขาเกี่ยวกับความสำเร็จในการแฮ็คดังกล่าว ซึ่งนั่นทำให้เขาทิ้งหลักฐานชิ้นสำคัญที่ทำให้เขาถูกลากไปนอนคุกได้ในเวลาต่อมา
ภายหลังจากนั้นเมื่อนาย Terpin รู้ตัว เขาก็ได้ทำการรวบรวมพยามและหลักฐานที่ได้ ด้วยการที่เขาเป็น ‘นักสู้ด้านกฎหมาย’ มือฉมัง บวกกับความร่ำรวยของเขา จึงทำให้เขาสามารถที่จะตามตัวนาย Truglia ได้ไม่ยากนัก
เริ่มต้นจากเพื่อน(ที่ไม่)แท้ของเขา
เอกสารการยื่นฟ้องของนาย Terpin เผยให้เห็นถึงหลักฐานชั้นดีจำนวนมาก รวมถึงข้อมูลจากนาย Chris David คนรู้จักของนาย Truglia ที่เขาเคยไปคุยโม้ไว้อีกด้วยเช่นกัน
ข้อมูลที่ได้จากนาย David นั้นเผยให้เห็นว่าเขาทำงานเป็นนายหน้าขายเครื่องบินเจ็ทที่เคยเจอกับนาย Truglia ที่ฟิตเนสแห่งหนึ่งในอพาร์ทเมนท์สุดหรูที่เขาไปเช่าไว้ ซึ่งในตอนนั้นเองนาย Truglia ได้พูดคุยเกี่ยวกับการจองเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวด้วยเหรียญคริปโต
ภายหลังจากนั้นต่อมานาย David กล่าวว่านาย Truglia ได้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร JPMorgan ที่มีเงินสดมากกว่า 7 ล้านดอลลาร๋ให้เขาดู อีกทั้งยังมีบัญชีคริปโตอื่น ๆ ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 12 ล้านดอลลาร์อีกด้วย
“ในตอนเดียวกันนั้น Nick ได้เปิดทัมไดรฟ์ (Trezor หรือกระเป๋าเก็บเหรียญแบบ hardware) ให้ผมดู” กล่าวโดยนาย David “อันแรกมีเหรียญคริปโตมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์ และอีกอันมีราว ๆ 20 ล้านดอลลาร์”
ภายหลังจากนั้นนาย David ก็เผยว่านาย Truglia บอกกับเขาว่าได้รับเหรียญคริปโตเหล่านี้มาจากการขุด แต่ทว่าภายหลังจากนั้นไม่นานนาย Truglia ก็ออกมายอมรับว่าเขาขโมยมันมา
“หลังจากนั้นไม่กี่เดือนทั้ง Nick และผมก็ได้ไปสังสรรค์กันที่ไนท์คลับ, บาร์, ยิม และก็อพาร์ทเมนท์ของเขาเพื่อเล่นเกม” กล่าวโดย นาย David “ในตอนท้ายผมก็ได้มารู้จัก Nick แบบจริง ๆ จัง ๆ คือเขาไม่มีงานทำหรือได้รับการช่วยเหลือจากใครเลย ในแต่ละวันของเขาก็คือการตื่นสาย, ไปฟิตเนส, กินร้านอาหารจากฝั่งตรงข้ามของถนน, เล่นเกมจนกระทั่งดึก และเขาก็ไม่มีเพื่อนเลย นิคนั้นเป็นพวกที่มีอีโก้สูง และชอบพูดคุยโอ้อวดเกี่ยวกับชีวิตและความรวยของเขา ยกตัวอย่างเช่นมีคืนหนึ่งที่เลานจ์ เขาได้พูดออกมาท่ามกลางผู้คนว่า ‘คริสต์ ผมมีเงินมากกว่าที่คนพวกนี้มีรวมกันทั้งหมดในคืนนี้เสียอีก’”
นาย David เริ่มที่จะเก็บข้อมูลของนาย Truglia มากขึ้นเมื่อตัวเขาและเพื่อน ๆ บางส่วนของเขาถูกจับกุมข้อหาขโมยคอมพิวเตอร์ของนาย Truglia, โทรศัพท์มือถือ, Trezor ซึ่งเมื่อนาย David กำลังจะให้คำให้การนั้น นาย Truglia ก็ยกเลิกข้อกล่าวหาดังกล่าว และก็แกล้งทำเป็นมึนโดยอ้างว่าเขายังแฮงค์จากอาการเมาของคืนที่ผ่านมา
นอกจากนี้นาย David ยังเผยว่านาย Truglia นั้นยังใส่นาฬิกา Rolex มูลค่า 6,000 ดอลลาร์ ที่นาย Truglia อ้างว่ามีมูลค่าถึง 100,000 ดอลลาร์ อีกทั้งยังคุยโวว่าเขาจะทำการซื้อรถสปอร์ต McLaren อีกด้วย โดยนาย David กล่าวว่าเขาได้ทำการแอบอัดเสียงบทสนทนาของนาย Truglia ที่ตอนหลังมันได้กลายมาเป็นหลักฐานมัดตัวเขาว่าเขานั้นเป็นผู้ขโมยเหรียญคริปโตมูลค่า 24 ล้านดอลลาร์มาจากนาย Terpin
ที่น่าสนใจไปมากกว่านี้คือ นาย David ยังกล่าวอีกว่าเขาได้เห็นนาย Truglia พยายามทำ SIM swap ที่ร้าน AT&T สาขา Times Square เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2018 แต่ก็ล้มเหลว เมื่อนาย Truglia ปฏิเสธที่จะจ่ายบิลค่าโทรศัพท์ของเหยื่อไป จึงไม่สามารถทำให้เขารับซิมใหม่มาได้
นักแฮ็คผู้น่าสงสาร
เอกสารหลักฐานของนาย David ยังเผยให้เห็นถึงการออกมาตัดพ้อของนาย Truglia ผ่านทวิตเตอร์ของเขาที่ตอนนี้ถูกปิดไปแล้ว โดยเขาได้ทำการทวีตข้อความทั้งหมด 6 ข้อความเกี่ยวกับการโจรกรรมเหรียญคริปโตมูลค่า 24 ล้านดอลาาร์ดังนี้
“ขโมยเหรียญคริปโตมาได้ 24 ล้านเหรียญ แต่ยังถูกมองว่าเป็นคนล้มเหลวบนโลกนี้”
“ขโมยเหรียญคริปโตมาได้ 24 ล้านเหรียญ ยังหยุดขโมยไม่ได้”
“ขโมยมาได้ 24 ล้านเหรียญ แต่ยังไม่สามารถรักษาเพื่อนเอาไว้ได้”
“ขโมยมาได้ 24 ล้านเหรียญ แต่ยังเลิกยาไม่ได้”
นาย David กล่าวว่านาย Truglia ยอมรับว่าได้ทำการขโมยเงิน 15,000 ดอลลาร์หลังแฮ็คเข้าไปในบัญชีธนาคารของพ่อของเขา โดยภาพด้านล่างเผยให้เห็นว่าพ่อของเขาเรียกร้องให้เขาคืนเงินมา แต่นาย Truglia ก็บอกว่าจะให้คืน แต่ขอคืนเป็น Bitcoin ซึ่งนาย David กล่าวว่าเขาเป็นคนแอบถ่ายภาพบทสนทนานี้มาด้วยตัวเอง
เอกสารรายงานของ REACT Task Force ที่ถูกใส่มาในเอกสารยื่นฟ้องนาย Truglia เผยว่าทางนักสืบได้ทำการเชื่อมโยงการทำ SIM Swap ของนาย Truglia เข้ากับบัญชีธนาคารของนาย Capobianco ที่ถูกผูกไว้กับเว็บเทรดคริปโต Coinbase
ที่น่าสนใจก็คือ นาย David ได้อธิบายถึงพฤติกรรมแปลก ๆ ของนาย Truglia ว่า แม้ว่าเขานั้นจะขโมยเงินมาได้หลายล้านดอลลาร์ แต่เขาก็มักจะชอบยืมเงินคนอื่นบ่อย ๆ หรือไม่ก็จะชอบอ้างว่าเงินไม่ค่อยมี นอกจากนี้เอกสารจาก REACT Detective Caleb Tuttle ยังได้มีการอธิบายที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับคำให้การของนาย David อีกด้วย โดยเผยว่าก่อนหน้านี้นาย Truglia กำลังอยู่ในช่วงที่ถูกขับไล่ออกจากอพาร์ทเม้นสุดหรูใน Manhattan เนื่องจากว่าเขาปฏิเสธที่จะไม่จ่ายค่าเช่า
ถูกจับกุมและปิดตำนานนักแฮ็ครุ่นเยาว์
เรื่องราวอันน่าสงสารของนาย Truglia นั้นมายุติลงเมื่อเขานั้นถูกจับกุมเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2018 หากลองนับดูแล้วดูเหมือนว่าเขาจะมีเวลาเสพย์สุขจากเงินที่ขโมยมาได้เพียงแค่ 10 เดือนเท่านั้น ก่อนที่จะต้องถูกตัดสินให้จำคุก
รายงานจาก New York Post ของเมื่อวันที่ 13 มีนาคมปี 2019 เผยว่านาย Terpin หรือเหยื่อผู้ถูกแฮ็ค Bitcoin นั้นชนะคดีความฟ้องร้องนาย Truglia และศาลได้สั่งให้ชดใช้เหยื่อเป็นเงินถึง 75.8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.4 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็นจำนวนเกือบสามเท่าจากเงินที่นาย Truglia ขโมยไปได้
อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจากแหล่งข่าวเดียวกันยังเผยว่าหลังจากที่เขาขึ้นศาลและรับฟังคำพิภากษาของศาลแล้วนั้น เขาก็ขอยื่นประกันตัว และนั่นก็คือข้อมูลเกี่ยวกับเขาที่เราได้รับมาครั้งสุดท้าย
มันยังไม่เป็นที่ถูกเปิดเผยว่าในปัจจุบันนาย Truglia นั้นมีสถานะเป็นอย่างไร และจะหาทางหาเงินมาชดใช้ให้กับนาย Michael Terpin ได้หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ก็คือตำนานของเขานั้นได้จบลงแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าจะจบลงได้ไม่นาน ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่าง Ellis Pinsky นั้นก็จะกลายมาเป็นผู้รับช่วงต่อแล้ว โดยเมื่อสามวันที่ผ่านมาทางสยามบล็อกเชนได้รายงานว่านาย Terpin กำลังรอเพื่อยื่นฟ้องเด็กชาย Pinsky ตอนที่เขามีอายุ 18 ปีเต็ม ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
โดยสาเหตุหลัก ๆ นั้นก็เพราะนาย Terpin ต้องการที่จะได้รับเงินสามเท่าจากการฟ้องรองเหมือนกับตอนที่ทำกับนาย Truglia มาแล้ว ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป