<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

5 ประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มลงทุนขุด Bitcoin ที่สุดในปี 2020

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การขุดคริปโตเคอเรนซี่เป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยการขุดนั่นถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโตและกิจกรรมเหล่านี้สามารถสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นได้ หากสินทรัพย์ที่คุณเลือกที่จะขุดนั่นคือ Bitcoin

สำหรับบริษัทที่ต้องการสร้างเหมืองขุด Bitcoin สิ่งที่พวกเขาต้องทำเป็นอันดับแรกเลยก็คือการหาสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่เราได้เขียนบทความนี้ขึ้นมา โดยบทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการขุด Bitcoin เป็นหลัก เนื่องจาก Bitcoin เป็นเหรียญที่ทำกำไรจากการขุดได้มากที่สุด เมื่อเทียบกับเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ 

ทำเลที่ตั้งที่เหมาะสำหรับการขุด Bitcoin สามารถแบ่งออกเป็นสองปัจจัยหลัก ๆ ดังต่อไปนี้ :

– การทำกำไร

– จุดเด่นของตลาด

การทำกำไร

ธุรกิจเหมืองขุดถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำกำไรเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามการขุดคริปโตนั้นมีค่าใช้ที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากพลังงานที่ใช้ ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลกำไรที่ดีนักขุดจะต้องตั้งเหมืองขุดในประเทศที่มีต้นทุนค่าไฟที่ต่ำกว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขุด ซึ่งคูเวตและไอซ์แลนด์นั้นเป็นตัวอย่างที่ดีของประเทศที่มีต้นทุนค่าไฟฟ้าราคาถูก

จุดเด่นของตลาด

อีกปัจจัยหนึ่งที่คุณควรพิจารณาเลยก็คือ จุดเด่นของตลาด โดยปัจจัยนี้จะมีการพิจารณาอยู่ 2 ข้อหลัก ๆ คือ ความนิยมในการขุด Bitcoin , กฎระเบียบข้อบังคับของรัฐบาล หากคุณเลือกประเทศ เนื่องจากจุดเด่นของตลาด คุณควรมองหาประเทศที่มีกฎหมายเป็นมิตรกับการขุดด้วย ซึ่งรายชื่อต่อไปนี้คือ ประเทศที่เหมาะสำหรับการขุด Bitcoin ที่สุดในปี 2020

เวเนซุเอล่า

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าเวเนซุเอล่านั่นเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากระดับเงินเฟ้อที่เลวร้าย แต่ถึงอย่างนั้นเวเนซุเอลาก็ยังถือว่าเป็นประเทศเป็นมิตรของคริปโตอันดับต้น ๆ ของโลก โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดี Nicolas Maduro ได้อนุญาตให้ประชาชนชาวเวเนซุเอล่าใช้ คริปโตเคอเรนซี่เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่กำหนดโดยสหรัฐอเมริกาและพวกมันก็ทำงานได้ดีจนถึงปัจจุบัน

เมื่อพูดถึงเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่าย คุณอาจไม่พบประเทศไหนที่เหมาะสำหรับการขุด Bitcoin ไปมากกว่าเวเนซุเอลาอีกแล้ว ต้นทุนในการขุด Bitcoin อาจลดลงเหลือ $ 531 ต่อโทเค็น เนื่องจากต้นทุนไฟฟ้าของเวเนซุเอลาอยู่ที่ประมาณ $ 1.9c/kWh เท่านั้น นอกจากนี้ประเทศนี้ยังมีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 9 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นคุณอาจจะได้แรงงานราคาถูกถ้าคุณทำเหมือง Bitcoin ที่นี่

คุณจะอาจจะมองว่าการขุด ฺBitcoin ในประเทศละตินอเมริกาแห่งนี้สามารถสร้างรายได้ให้คุณได้เป็นกอบเป็นกำ แต่อย่างไรก็ตามคุณอาจพบปัญหาบางอย่าง เนื่องจากเวเนซุเอลาเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีกระแสไฟฟ้าขัดข้องอยู่บ่อยครั้ง

ไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์เป็นความฝันของนักขุดคริปโตทุกคน ประเทศนี้มีต้นทุนค่าไฟที่ต่ำ , สภาพภูมิอากาศที่เย็นจัด และกฎระเบียบที่เป็นมิตรกับคริปโต โดยในช่วงสองปีที่ผ่านมากิจกรรมการขุดคริปโตในประเทศแถบทวีปยุโรปได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

การใช้ไฟฟ้าในประเทศไอซ์แลนด์จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ $ 0.071 / kWh เนื่องจากใช้เครือข่ายไฟฟ้าพลังน้ำของประเทศและพลังงานความร้อนใต้พิภพ อุณหภูมิเฉลี่ยในประเทศอยู่ที่ระหว่าง -1 ° C และ 12 ° C ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศในการควบคุมอุณหภูมิให้กับเครื่องขุด Bitcoin ของคุณและรัฐบาลก็ยังไม่ได้วางข้อกำหนดในการขุดที่นี่ ดังนั้นคุณจะสามารถดำเนินการธุรกิจของคุณได้อย่างอิสระ

ปัญหาเดียวที่นักขุดต้องเผชิญในไอซ์แลนด์ก็คือค่าแรงงานที่สูง โดยปัจจุบันไอซ์แลนด์มีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.5 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นคุณจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อดึงดูดคนที่มีความสามารถมาทำงานร่วมกับคุณ

จีน

ประเทศจีนถูกตั้งฉายาว่าเป็น ‘เมืองหลวงแห่งการขุดคริปโต’ เนื่องจากจีนครองส่วนแบ่งอัตรา Hashrate ในเครือข่าย Bitcoin มากกว่า 66 เปอร์เซ็นของทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก ระดับ 60% ในเดือนมิถุนายน 2019 นอกจากนี้จีนยังเป็นที่ตั้งของบริษัทขุดรายใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยอาทิเช่น Bitmain, Canaan Creative และอื่น ๆ ข้อมูลจาก CoinShares แสดงให้เห็นว่ารายได้โดยรวมที่มาจากเหมืองขุด Bitcoin ในประเทศจีนนั่นอาจพุ่งสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020

ในประเทศจีน เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่เหมาะสมและการใช้แหล่งพลังงานทางเลือก นักขุดจึงสามารถอยู่รอดได้นานกว่าคู่แข่งต่างประเทศรายอื่น ๆ โดยแหล่งพลังงานทางเลือกหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในจีนคือ ถ่านหิน ซึ่งพวกเขามีอย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตามความโดดเด่นของถ่านหินในประเทศจีนก็เริ่มลดลงแล้วเช่นกัน โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าภายในปี 2050 ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานถ่านหินจะเริ่มลดน้อยลงเหลือประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ส่วนที่เหลือจะมาจากน้ำมัน , ก๊าซธรรมชาติและแหล่งพลังงานหมุนเวียน โดยคาดว่าแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่มีผลิตออกมาเพิ่มมากขึ้นจะทำให้ต้นทุนในการขุดลดลงไปอีก

การทำเหมืองขุด Bitcoin ในมณฑลเสฉวนประเทศจีนนั่นเป็นเหมือนพืชผล โดยข้อมูลจาก CoinShares ชี้ให้เห็นว่า เหมืองขุดที่จังหวัดนี้เพียงแห่งเดียวคิดเป็นอัตรา Hash rate กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก

สหรัฐอเมริกา

การจัดตั้งเหมืองขุด Bitcoin ในสหรัฐอเมริกานั้นเป็นเหตุผลดียวกับที่ทำในประเทศจีน สหรัฐฯ อาจไม่มีความโดดเด่นในระดับเดียวกันเมื่อพูดถึงการขุด Bitcoin เหมือนกับที่ประเทศจีนกำลังทำ แต่อย่างน้อยคุณจะรู้การทำงานของคุณได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัย

ปีที่แล้วเป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับสหรัฐอเมริกาเมื่อพูดถึงการขุด Bitcoin โดยมีหลาย บริษัทสร้างเหมืองขุดขึ้นในประเทศ บริษัทส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปที่ผืนดินที่อุดมสมบูรณ์และคุณอย่าลืมว่าคริปโตเคอเรนซี่โดดเด่นส่วนใหญ่นั่นอยู่ในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะขาย Bitcoin ที่ขุดขึ้นมาในประเทศนี้

ปัจจุบันสหรัฐอเมริกาได้รับการจัดอันดับจาก Investopedia ให้เป็นประเทศที่มีต้นทุนในการขุดคริปโตถูกที่สุดเป็นอันดับที่ 41 โดยมีต้นทุนการขุดเฉลี่ยอยู่ที่ $ 4,578 เหรียญต่อโทเค็น แต่อย่างไรสิ่งนี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ  รวมถึงสภาพอากาศและเรื่องความพร้อมของไฟฟ้าพลังน้ำและต้นทุนค่าไฟฟ้า (ซึ่งยังแตกต่างกันระหว่างรัฐ)

วอชิงตัน ยังคงเป็นผู้นำของประเทศในแง่ของไฟฟ้าพลังน้ำ โดยมีเขื่อนกว่า 1,166 แห่งในรัฐนี้เพียงแห่งเดียว ซึ่งประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของกระแสไฟฟ้าที่ผลิตในรัฐนี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนี้วอชิงตันยังเป็นผู้รับผิดชอบในการผลิตไฟฟ้าประมาณหนึ่งในแปดจากพลังงานหมุนเวียนทั่วประเทศในปี 2017 ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่มันจะกลายเป็นที่ตั้งของเหมือง Bitcoin ที่ถูกที่สุด โดยมีต้นทุนในการขุดเฉลี่ยอยู่ที่ $ 3,309 ต่อโทเค็น

อิหร่าน

อิหร่านอาจอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนอยู่ในขณะนี้ แต่การทำเหมืองคริปโตนั้นยังคงแข็งแกร่ง กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขุด bitcoin นั้นถูกกฎหมายและรัฐบาลอิหร่านออกยอมรับแล้วว่าการขุด Bitcoin นั้นเป็นกิจกรรมทางอุตสาหกรรม

อิหร่านยังเป็นที่ตั้งสำคัญสำหรับเหมืองขุด Bitcoin เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าที่มีราคาถูก โดยมีต้นทุนค่าไฟต่อครัวเรือนอยู่ที่ระหว่าง $ 0.03 ถึง $ 0.05 ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง

ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่มีราคาเหล่านี้ได้มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของนักขุดที่ย้ายถิ่นฐานไปยังอิหร่านได้ โดยเราจะเห็นได้จากความต้องการพลังงานของประเทศที่เพิ่มขึ้นกว่า 7% ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สิ่งนี้ได้ทำให้รัฐบาลสร้างแบบจำลองราคาใหม่สำหรับการขุด Bitcoin และเกณฑ์อัตราค่าไฟฟ้าใหม่สำหรับเหมืองขุด แต่อย่างไรก็ตามอิหร่านก็ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศเหมาะสำหรับการขุดคริปโตอยู่ดี

ที่มา : beincrypto