ในขณะที่ Bitcoin ล้มเหลวที่จะยืนเหนือแนวต้านระดับ $ 9,800 ขณะเดียวกัน Ethereum ก็ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่ท่าทีว่าจะหยุดลง
เหรียญคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของตลาด ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4% จากระดับต่ำสุดในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งแซงหน้า Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นเพียง 1-2% เท่านั้น
การปรับตัวเพิ่มขึ้นล่าสุดของ ETH ได้ขึ้นมาใกล้เคียงกับระดับแนวต้านสำคัญที่ $ 250 ระดับนี้มีความสำคัญอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้านหลายต่อหลายครั้งและยังเป็นแนวต้านทางจิตวิทยาอีกด้วย
ETHEREUM ใกล้ถึงระดับ $ 250 อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อว่ามันจะเบรคทะลุผ่านไปได้
เมื่อเร็ว ๆ นี้นักเทรดคริปโตชื่อดัง Edward Morra ได้แบ่งปันกราฟราคาของเขาที่ชี้ให้เห็นว่ามีการรวมตัวกันของคำสั่งขายรอที่ระดับ $ 250 เป็นจำนวนมาก
นักเทรดแบ่งปันกราฟราคาที่แสดงให้เห็นว่ามีกำแพงการขายที่ชัดเจนรออยู่ที่ระดับ $ 250 ในเว็ปเทรด Binance, BitMEX และ Coinbase
นักเทรดระบุว่าความขัดแย้งระยะกลางระหว่างราคาของ BTC และตัวตัวชี้วัดโมเมนตัม ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยเขากล่าวว่า :
“สิ่งนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ Renko บอกผมด้วยสัญญาณ Divergence ที่ชัดเจน ซึ่งถูกล็อคไว้ในราคาของ ETH”
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก Glassnode ที่เผยให้เห็นว่า 80% ของ Ethereum ทั้งหมดกำลังอยู่ในโซนกำไร นี่คือสัญญาณสองครั้งล่าสุดที่แสดงให้เห็น ก่อนที่ราคาของคริปโตเคอเรนซี่จะร่วงลงอย่างรุนแรง
การเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin อาจทำ Ethreum ชะลอตัวลดลง
การพุ่งของราคา Bitcoin อาจทำให้ Ethereum มีการกลับตัวเกิดขึ้นได้ และท้ายที่สุด BTC จะขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดคริปโตในระดับมหภาค
อ้างอิงรายงานจาก Bitcoinist ก่อนหน้านี้ที่เผยว่า นักเทรดคริปโต Joe McCann ได้ตั้งข้อสังเกตว่า MACD รายวันของ Bitcoin กำลังแสดงให้เห็นถึงสัญญาณในเชิงบวก
ครั้งสุดท้ายที่สัญญาณนี้ปรากฏขึ้น ราคาของ Bitcoin ก็ได้พุ่งขึ้นกว่า 50% จากระดับ $ 6,000 ไปเป็น $ 9,000
นอกจากนี้ตลาดยังมีความเชื่อมั่นว่า เงินทุนจะไหลออกจาก “ตลาด altcoin” ไปสู่ Bitcoin อีกด้วย
ราคา Ethreum เพิ่มขึ้นจากกระแสนิยมของ Defi
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งของ Ethereum นั้นยังคงเกี่ยวข้องกับสองสิ่งนี้แน่นอน ซึ่งก็คือ DeFi และ ETHE ของ Grayscale , Decentralized finance ได้เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ เนื่องจากผลตอบแทนที่น่าจับตามองจากการลงทุน
ด้วยเหตุนี้จึงมีเงินจำนวนมากไหลเข้ามายังเหรียญ Altcoin และ Stablecoin และในที่สุดจำนวนเงินเหล่านั้นก็ได้ไหลกลับไปหา Ethereum และ Bitcoin เนื่องจากนักลงทุนแห่พาถอนเงินออกจาก altcoins เพื่อมองหาการลงทุนในระยะยาวที่มั่นคงมากขึ้น
ที่มา : bitcoinist