เมื่อประมาณช่วง 5 วันที่ผ่านมาราคาของ bitcoin นั้นได้พุ่งไปแตะ 9800 ดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นเมื่อราคาไม่สามารถที่จะพุ่งทะลุแนวต้านดังกล่าวไปได้ก็ส่งผลทำให้มันร่วงลงมาอย่างรุนแรง
นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะเห็นความเกี่ยวข้องกันระหว่างราคาของตลาดเหรียญคริปโตกับราคาตลาดหุ้นใหญ่ๆอย่างเช่นในสหรัฐอีกด้วย
ปัจจัยด้านไมโครและมาโคร
หากเราดูที่ปัจจัยด้าน Micro นั้นโดยเฉพาะบนกราฟ 4 ชั่วโมงของ bitcoin เราจะค้นพบว่าปัจจุบันราคาของมันยังคงสามารถที่จะยืนอยู่เหนือเส้นแนวรับที่ 8900-9000 ดอลลาร์ไว้ได้ ซึ่งถือเป็นระดับแนวรับที่มีความสำคัญอย่างมากในช่วงระยะสั้น
หากราคาทำลายแนวรับดังกล่าวลงมาได้ก็จะส่งผลทำให้เทรนขาขึ้นใหญ่ที่ถูกลากมาตามกราฟด้านล่างล้มเหลวไปในทันที
ส่วนปัจจัยในด้านของมาโครนั้น ให้ดูกราฟรายสัปดาห์ซึ่งก็คือกราฟด้านล่างอีกเช่นกัน โดยราคานั้นได้ทำการแปะเส้นแนวรับระยะยาวที่ถูกลากมาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าแท่งเทียนในกราฟนั้นมีแนวโน้มที่จะปิดตัวข้างใต้เส้น Trend ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
หากกราฟรายสัปดาห์ของสัปดาห์นี้ถูกปิดที่ราคาเหนือกว่า 9,400 ดอลลาร์ก็มีโอกาสที่ราคานั้นจะไต่ระดับขึ้นไปเป็นขาขึ้น โดยหากดูที่กราฟด้านล่างจะพบว่าครั้งล่าสุดที่เส้นแนวรับดังกล่าวนั้นถูกทำลายลงไปอยู่ที่ช่วงเดือนมีนาคมปี 2020 ที่ผ่านมา โดยไปช่วงที่ราคาร่วงจากระดับ 8,000 ดอลลาร์ลงไปเหลือ 3,600 ดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน
เส้นแนวรับต่อไปและรวมถึงแนวต้าน
ตามที่กล่าวไว้ด้านบนนั้น แนวรับสำคัญของราคาอยู่ที่ประมาณ 8,900-9.000 ดอลลาร์ (ซึ่งก็คือเส้นสีฟ้าตามกราฟด้านล่าง) โดยหากราคา bitcoin มีการทำลายเส้นแนวรับดังกล่าวก็อาจทำให้ราคานั้นมีโอกาสที่จะร่วงลงไปแตะเส้นแนวรับที่ต่ำกว่านี้ได้
และหากมันเกิดขึ้นจริงๆ แนวรับต่อไปก็จะอยู่ที่ราคา 8,650 ดอลลาร์ และจุดต่ำลงกว่านั้นที่ประมาณ 8,300 ดอลลาร์ ซึ่งอยู่ที่ระดับของเส้น Moving average 200 และ 100 วันตามเส้นสีเขียวอ่อนและสีขาวบนกราฟด้านล่าง
ส่วนเส้นสีเหลืองที่อยู่ด้านบนนั้นเป็นเส้นแนวต้านพี่ราคา bitcoin จำเป็นที่จะต้องพุ่งทะลุผ่านไปให้ได้
โดยแนวต้านของราคานั้นอยู่ที่ระดับ 9,200 ดอลลาร์ ส่วนที่สูงกว่านั้นก็คือ 9,320 ดอลลาร์ และตามมาด้วยเส้น Moving average 50 วันก็คือที่เส้นสีชมพูซึ่งอยู่ที่ประมาณ 9,400 ดอลลาร์