<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้ใช้ Ethereum กำลังเผชิญกับค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในขณะที่ Bitcoin ยังคงพยายามดิ้นรนเพื่อให้เข้าใกล้ระดับ $ 10,000 เหรียญ altcoins มากมายต่างก็มีราคาที่เพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับราคาของ Bitcoin เช่นเดียวกับ Ethereum ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่แข็งแกร่ง เนื่องจากระบบนิเวศของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากโปรเจค Defi และการเปิดตัวของ ETH 2.0 ที่กำลังจะมาถึง แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า Ethereum จะต้องเผชิญกับปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงเวลานี้

อ้างอิงรายงานล่าสุดจาก LongHash ที่เผยให้เห็นว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนกระเป๋าเงินและกิจกรรมในเครือข่ายของ Ethereum นั่นกำลังทำให้ผู้ใช้ต้องเผชิญกับค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล ซึ่งรายงานระบุว่านักขุดได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมสูงถึง 2,500 ETH ต่อวันในช่วงเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม 2,500 ETH นั้นยังไม่ใช่จุดที่สูงที่สุด แต่ถึงกระนั้นค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ก็ได้สร้างความตกใจให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมาก

รายงานได้เน้นย้ำถึงโซลูชั่นการแก้ปัญหาที่ล้มเหลวในระยะสั้น สำหรับการสร้างความแตกต่างให้กับค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้  โดยรายงานระบุว่า : 

“ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการลงคะแนนโหวตในกลุ่มนักขุด Ethereum เพื่อเพิ่ม Gas limit ในแต่ละบล็อกจากระดับ 10,000,000 ไปเป็น 12,500,000 แล้วก็ตาม ข้อเสนอนี้ได้ผ่านการอนุมัติในวันที่ 19 มิถุนายน ซึ่งทำให้เครือข่ายมีความสามารถในการทำธุรกรรมได้เพิ่มมากขึ้น”

อ้างอิงข้อมูลจาก Etherscan พบว่า อัตราเฉลี่ยของค่าก๊าซเพิ่มสูงขึ้นจาก 11.6 Gwei ในเดือนมกราคม 2020 ไปเป็น 47.5 Gwei ในขณะที่รายงาน ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 309.4% 

อย่างไรก็ตามรายงานยังระบุด้วยว่า มีตัวเลือกที่สามารถทำงานได้จริงอยู่สองสามอย่างที่นักพัฒนาเสนอเข้ามามา เช่น ข้อเสนอการปรับปรุง Ethereum 1559 (EIP-1559) และการเปิดตัว ETH 2.0 ที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ แต่ถึงกระนั้นการเปิดตัว ETH 2.0 ก็อาจจะใช้เวลานานกว่าหนึ่งปีและไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาสำหรับเรื่องนี้ได้ในระยะสั้น 

ในขณะที่แผนการพัฒนาของ Bitcoin สำหรับโซลูชั่นแบบ 2 เลเยอร์เช่น เครือข่าย Lightning Network นั้นกำลังเป็นไปตามแผน การแก้ปัญหาด้วยการแบ่งเลเยอร์อาจส่งผลกระทบในเชิงบวกให้กับ  Ethereum และช่วยเหลือผู้ใช้ที่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในธุรกรรมที่เพิ่มสูงขึ้น โดยรายงานระบุว่า :

“Ethereum มีนักพัฒนาเป็นของตัวเองและพวกเขาพยายามที่จะแบ่งธุรกรรมไปยังเครือข่ายความปลอดภัยสำรอง ระบบดังกล่าวจะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้เร็วขึ้น , ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ถูกลง ซึ่งนั่นอาจมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า”

ที่มา : eng.ambcrypto