<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สำนักงานศาลยุติธรรมแห่งประเทศไทยเตรียมสร้างระบบ Blockchain เก็บข้อมูลในศาลทั่วประเทศ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยนั้นมีการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี่อย่างรวดเร็วมากโดยเราสามารถสังเกตได้จากการออกกฎหมายเพื่อมากำกับอะไรต่างๆมากมายจนส่งผลทำให้มีนักลงทุนต่างชาติเป็นจำนวนมากอยากที่จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งในประเทศไทยบ้าง

และก็ไม่ได้มีเพียงแค่วงการการเงินเท่านั้นแต่ถ้าว่ารายงานล่าสุดจากสำนักงานศาลยุติธรรมแห่งประเทศไทยที่เป็นผู้กำกับสารในประเทศไทยศาลได้ออกมากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าพวกเขากำลังพัฒนาเครือข่ายบล็อกเชนเป็นของตัวเองอยู่ โดยภารกิจดังกล่าวนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ‘ศาลแบบดิจิทัล’ โดยเล็งเป้าไว้ที่ปี 2020 นี้ และเล็งสร้าง Blockchain ของพวกเขาให้เสร็จในปีหน้า โดยรายงานกล่าวว่า

“ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผานมาสํานักงานศาลยุติธรรมมีการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังตั้งเปาหมายการขับเคลื่อน ให้ศาลยุติธรรมเปลี่ยนผ่านสู่ Digital Court ในปี ค.ศ. 2020 นี้ โดยยกระดับมาตรฐาน การดําเนินงานให้เป็นสากลดวยการพัฒนาทั้งบุคลากรและเทคโนโลยีอยางเต็มที่ ด้านเทคโนโลยี เรากําลังเรงพัฒนา การสรางระบบบล็อกเชน (Blockchain) แบบ On premise คือ ระบบติดตั้งในหนวยงานที่เปนลักษณะโครงขายเพื่อ เก็บข้อมูลออนไลนของศาลทั่วประเทศซึ่งขณะนี้ไดดําเนินงานไปแลว 91% โดยศาลยุติธรรมไทยถือเป็นหน่วยงานราชการแห่งแรกของโลกที่ใชระบบนี้โดยขั้นตอนต่อไปคือ เตรียมการฝกอบรมบุคลากรและเจ้าหนาที่ศาลที่จะมาเปนแอดมิน (Admin) และผู้ใชงาน ทั้งนี้ คาดว่าระบบบล็อกเชน (Blockchain) น่าจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2564”

อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับ project บล็อกเชนดังกล่าวมากนักและก็ไม่เป็นที่แน่ชัดได้ว่ามีบริษัทเอกชนใดๆเข้ามาช่วยในการพัฒนาระบบเครือข่ายดังกล่าวด้วยหรือไม่

การนำเอาเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ช่วยเก็บข้อมูลในด้านระบบศาลนั้นส่งผลทำให้เครือข่ายของศาลสามารถแชร์ข้อมูลหากันได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครเข้าไปแอบลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล เนื่องจากว่าระบบ Blockchain นั้นสามารถป้องกันตรงส่วนนี้ได้ นั่นหมายถึงการมีระบบยุติธรรมที่แข็งแกร่งมากขึ้น และทำงานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะออกมาเคลมว่าพวกเขาเป็นรายแรกของโลก แต่ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าศาลในประเทศจีนหลายแห่งเริ่มมีการนำเอา Blockchain มาใช้เก็บข้อมูลแล้ว