สื่อด้านการเงินระดับโลกที่หลายๆคนรู้จักกันดีในนาม Bloomberg ได้ออกมาคาดการณ์ในสิ่งที่หลายๆคนนั้นอาจจะรู้สึกไม่ค่อยตื่นเต้นนัก เนื่องจากว่าหลายๆคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าขาขึ้นของตลาดในครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทดังกล่าวที่มีชื่อว่า Mike McGlone ได้ออกมากล่าวถึงการอัพเดทในช่วงเดือนสิงหาคมเดือนนี้ว่าเขานั้นคาดการณ์ว่าราคาของทองคำจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยเขาได้มีการนำเอาปัจจัยทางด้านมาโคร economic เข้ามาใช้วิเคราะห์ ซึ่งนั่นก็คือเงินดอลลาร์ที่คาดว่าจะมีมูลค่าที่ลดลงและรวมถึงหุ้นด้วยเช่นกัน
“เมื่อมูลค่าของเงินดอลลาร์ลดลงและมูลค่าของหุ้นมันเพิ่มขึ้นราคาทองคำว่าจะเพิ่มขึ้นตาม” เขากล่าว
ราคาทองคำอาจพุ่งแตะ $3,000
ก่อนหน้านี้ราคาของทองคำได้คุ้มทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ในเดือนนี้โดยได้ทะลุจุดสูงสุดเก่าของปี 2011 ที่ 1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นราคาทองคำก็เลยมีการปรับตัวลงมาเล็กน้อยเนื่องจากว่าผู้คนเริ่มที่จะแห่กันเทขายเพราะคิดว่าราคาจะร่วงแต่อย่างไรก็ตามนาย McGlone ไม่คิดเช่นนั้นเพราะเขาเชื่อว่าราคาของมันจะกลายเป็นขาขึ้นต่อ
โดยในช่วงเดือนนี้เขาคาดการณ์ว่าราคาทองคําวันนี้กำลังอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มต้นเป็นขาขึ้นเท่านั้น โดยในขณะนั้นเขากล่าวว่าการออกมาแห่พิมพ์เงินของธนาคารกลางทั่วโลกจะถือเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ราคาทองคำกลายเป็นขาขึ้น
ซึ่งนั่นส่งผลด้านลบต่อเงินดอลลาร์และด้านบวกต่อทองคำ โดยเขากล่าวต่ออีกว่า
“ธนาคารกลางนั้นกำลังเศษเงินออกมาเพื่อทำให้ตลาดโลกอยู่ในสภาวะเงินเฟ้อซึ่งสิ่งนี้จะกลายเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับสินทรัพย์ประเภทที่เป็นตัวเก็บมูลค่า” กล่าวโดยนาย McGlone “ราคาทองคำเคยพุ่งแตะจุดต่ำสุดที่ประมาณ 700 ดอลลาร์ในปี 2008 และเคยพุ่งแตะจุดสูงสุดที่เกือบ 1,900 ในปี 2011 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวในปีนี้ดูเหมือนว่าจะใกล้เคียงกันโดยราคาจะเพิ่มขึ้น 2.7x จากระดับราคาใกล้ๆกับ 1470 ดอลลาร์และอาจไปแตะ 4,000 ดอลลาร์ได้ในปี 2023”
อย่างไรก็ตามเขากล่าวเสริมว่าราคาของทองคำนั้นอาจพุ่งไปแตะ 3000 ดอลลาร์ได้ในตลาดขาขึ้นครั้งนี้เนื่องจากความกลัวภาวะเงินเฟ้อของผู้คน
ราคา bitcoin พุ่งแตะ 20,000 ดอลลาร์
ก่อนหน้านี้นาย McGlone เคยได้ออกมามีมุมมองว่าราคา bitcoin นั้นมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นขาขึ้นแล้ว
ตัวเขาเคยกล่าวไว้ในการอัพเดทของช่วงเดือนมิถุนายนว่าราคาของ BTC มีแนวโน้มที่จะพุ่งแตะ 20,000 ล่าในปลายปีนี้ โดยได้มีการพาดพิงถึงตัวแปรพื้นฐานและตัวแปรทางเทคนิคหลายตัว สิ่งนั้นรวมไปถึงการเติบโตของสินทรัพย์ดังกล่าวตามมาด้วยความสนใจของนักลงทุนที่เปิด open interest กัดเยอะมากขึ้น นอกจากนี้นักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ก็เลือกที่จะใช้กลยุทธ์ด้านการลงทุนอย่างเช่นการซื้อเพื่อถือยาวอีกด้วย
“ราคา bitcoin ปิดตัวในปี 2019 ที่ระดับ 7,000 ดอลลาร์ ซึ่งเข้าใกล้จุดต่ำสุดของระยะราคาดังกล่าว เมื่อปีที่แล้วจุดสูงสุดนั้นอยู่ที่ 14,000 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นประมาณเกือบ 2 เท่าในปี 2020 นี้หากลองมองย้อนกลับไปดู” กล่าวโดยนาย McGlone
นอกจากนี้เขายังได้กล่าวถึงตัวแปรขั้นพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของราคาในตลาด bitcoin โดยเขากล่าวว่าการทำ QE ของธนาคารกลางถือเป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการของ bitcoin ในหมู่นักลงทุน นอกจากนี้มันยังเป็นตัวช่วยลดความผันผวนของราคาเหรียญคริปโตเคอเรนซี่อีกด้วย
“บางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดควรที่จะเกิดขึ้นในตลาด bitcoin เพื่อที่จะให้มันหยุดทำในสิ่งที่มันเคยทำมาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนั่นก็คือการเพิ่มขึ้นของราคา” กล่าวโดยนาย McGlone เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “ตัวชี้วัดของความต้องการและการปรับตัวยังคงดูดีหากเทียบกับจุดเด่นของเหรียญคริปโตนั่นก็คือจำนวน supply ที่ถูกจำกัดไว้”
งานวิเคราะห์ของเขามีขึ้นท่ามกลางการเทขายในตลาด bitcoin และทองคำ โดยก่อนหน้านี้ราคาในตลาด bitcoin นั้นได้พุ่งทะลุ 12,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะมีการปรับตัวลงมาเล็กน้อยที่ระดับ 11,400 ดอลลาร์ โดยหลายคนคาดการณ์ว่าตลาดนั้นจะเป็นขาขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงท้ายปี 2020 นี้
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงอนาคตได้ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไป