Pierce Crosby ผู้จัดการทั่วไปของ TradingView ได้กล่าวว่าเขาสังเกตเห็นจุดแตกต่างที่ชัดเจน ระหว่าง Bull Market ในครั้งนี้และในปี 2017 ซึ่งเขาเชื่อว่านักลงทุนน่าจะมีความเห็นเช่นเดียวกันกับเขา
ตลาดคริปโตได้ผ่านทั้งตลาดแบบ Bull Market (การที่ราคาดิ่งลงอย่างรุนแรง) และ Bear Market (การที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง) มาหลายต่อหลายครั้ง และที่เด่นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วง Bull Market ในปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำคัญของราคา Bitcoin ที่ได้พุ่งทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของตวเอง
แม้ว่าทุกวันนี้ตลาดคริปโตจะแตกต่างจากเมื่อ 3 ปีก่อนมาก และจุดแตกต่างที่สำคัญมากที่สุดก็คือ การกระจายตัวของหน่วยเงินและ จำนวนผู้ใช้งาน ซึ่งในปี 2017 จำนวนผู้ถือครองสกุลดิจิทัลนั้นยังมีไม่มากเมื่อเทียบกับในปัจจุบัน โดยปัจจุบันในกระดานเทรด Coinbase มีผู้ใช้งานสูงถึง 30 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากในปี 2017 ที่มีผู้ใช้งานจำนวน 11.7 ล้านคน จากการายงานของ CNBC
นอกจากนี้ในปัจจุบันตลาดคริปโตก็ได้ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน หรือนักลงทุนรายใหญ่ มากขึ้น อาทิเช่น Jack Dorsey’s, Square และ Microstrategy เป็นต้น ทำให้มีกำลังซื้อของ Bitcoin มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีหน่วยเงินคริปโต และเทคโนโลยีที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้พื้นฐานของระบบ Blockchain มากขึ้นเมื่อกับในปี 2017 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระบบของ Blockchain ในวงกว้างมากขึ้น
ซึ่งในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Bitcoin ได้ทุบสถิติมูลค่าสูงสุดของตัวเอง หลังจากที่เคยทำไว้เมื่อปี 2017
แม้ว่าในเดือนมีนาคมปี 2020 ราคา Bitcoin ร่วงลงมาอยู่ที่ $3,600 ต่อ 1 BTC หลังปัญหาสภาวะ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลก แต่หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีการแก้ไขปัญหาทั้งด้านการเงิน และปัญหาสาธารณสุข ราคาของ Bitcoin ก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
แท้จริงแล้ว ปัญหาด้านการเงินที่ส่งผลกระทบถึงวงการคริปโตไม่ได้เกิดจากผลกระทบโดยตรงจาก COVID-19 เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากนโยบายทางการเงินทั่วโลกที่พยายามต่อสู้กับ COVID-19 ทั้งนี้ปัญหาได้เบาบางลงเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ใช้นโยบายพิมพ์เงินเพิ่มส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลง เพื่อดึงดูดการลงทุนให้มากขึ้นหลังจากที่
COVID-19 ทำให้การลงทุนลดลงในช่วงต้นปี 2020
ที่มา: cointelegraph