<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

โมเดลวิเคราะห์ราคา Bitcoin ด้วยต้นทุนไฟฟ้าเผย 1 BTC จะพุ่งแตะ 30 ล้านบาทได้ในปี 2030

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ธนาคารพาณิชย์ Hamburg Commercial Bank นาย Cyrus de la Rubia ได้กล่าวถึงการคาดการณ์ราคา Bitcoin ว่ามีโอกาสพุ่งทะลุ 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวอ้างอิงจากโมเดลการใช้ไฟฟ้า (Electricity Model)

โดยทั่วไปแล้วในการดำเนินระบบของ Bitcoin นั้นจะมีการใช้พลังงานไฟฟ้า และ Semi-conducters ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของชุดขุด ASIC และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด โดยนาย Rubia ได้กล่าวว่า “เมื่อใดที่บรรดาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้ไฟฟ้ามีความต้องการสูงกว่าสกุลเงินคริปโตแล้วจะทำให้ความน่าลงทุนใน Bitcoin ลดลง และอาจกล่าวได้ว่าราคาจะอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว”

ซึ่งเขาคาดว่าเรากำลังเข้าสู่ช่วงดังกล่าว ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีการใช้ไฟฟ้าถึง 2% จากพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกกับงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม Bitcoin ซึ่งจะผลให้ราคา Bitcoin นั้นสูงถึง $100,000 ต่อ 1 BTC แต่เขาก็ยังได้กล่าวอีกว่าอาจมีปัจจัยอื่นที่อาจส่งผลต่อราคา Bitcoin เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น ปัญหาสภาพคล่องของผู้ขาย Bitcoin

โดยทั่วไปแล้วโมเดลการใช้ไฟฟ้านั้นจะใช้ในการกำหนดราคาขั้นต่ำสุดของสินค้าชนิดนั้น ๆ โดยเฉพาะในช่วงตลาดขาลง แต่นาย Rubia ก็ได้กล่าวว่า เพราะเกิดการ Halvening ขึ้นทำให้อัตราการใช้พลังงานต่อราคานั้นเปลี่ยนแปลงไป

ซึ่งหากเกิดการ Halvening อีกครั้งจะทำให้ราคาที่ $100,000 ที่เขาได้กล่าวไว้นั้นกลายเป็นราคาต่ำสุด และเพดานราคาจะเปลี่ยนไปอยู่ที่ระดับประมาณ $200,000 ซึ่งหากใช้โมเดลนี้คำนวณโดยมีตัวแปรการ Halvening ไปเรื่อย ๆ จะได้ว่าราคา Bitcoin นั้นอาจสูงถึง 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2030

แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้กล่าวเตือนไว้ว่าตัวเลขที่ได้คาดการณ์ไว้อาจเปลี่ยนแปลงได้ง่ายมาก โดยเฉพาะเมื่อค่าเงินนั้นเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ซึ่งเงิน $100,000 ในอีก 10 ปีอาจมีมูลค่าเทียบเท่า $20,000 ในปัจจุบันได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ทั้งทางยุโรปและสหรัฐฯ ได้มีการออกนโยบายพิมพ์เงินสดเพิ่มในช่วงปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้เขายังได้กล่าวอีกว่าอีกปัญหาหนึ่งในโมเดลนี้คือ พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการขาดแคลนได้ในอนาคตโดยเขายังได้กล่าวว่า เมื่อถึงวันหนึ่งที่ไฟฟ้าเราแทบจะไม่เพียงพอในการผลิตอาหารแล้ว เหตุใดจึงยังมีความต้องการในการขุด Bitcoin อยู่อีก

ซึ่งแม้ว่าทั้งสองสิ่งที่เขาพูดมาจะไม่ได้เกิดขึ้นภายในอนาคตอันใกล้นี้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าคิดโดยเฉพาะเมื่อพลังงานที่เราใช้กันอยู่นั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเครือข่ายพลังงานไฟฟ้าใช้ร่วมกันทั่วโลก แต่แยกตามทวีปหรือประเทศเสียมากกว่า ซึ่งจะทำให้เพดานราคา Bitcoin เปลี่ยนแปลงไปได้อีก

แต่สุดท้ายนี้เขาก็ได้กล่าวว่าหากเรานำตัวแปรภายนอกเหล่านี้มาคำนวณ อาจทำให้ไม่สามารถคาดเดาตัวเลขราคาของ Bitcoin ได้เลย ฉะนั้นการคำนวณโดยโมเดลการใช้ไฟฟ้าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำการคาดการณ์อย่างคร่าว ๆ ได้

ที่มา: trustnodes.com