ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาราคา Bitcoin ได้พุ่งไปทำสถิติราคาสูงสุดใหม่เหนือระดับ $40,000 เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมอยู่ที่ระดับ $20,000 เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
Bitcoin นั้นได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 12 ปีแล้ว โดยความคาดหวังจะเป็นระบบการใช้จ่ายเงินตราที่จะไม่มีบุคคล, บริษัทหรือรัฐบาลที่จะสามารถควบคุมการระบบนี้ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบถึงระดับราคาที่มันควรจะเป็น หรือสามารถอ้างอิงระดับราคาจากทฤษฎีใด ๆ ได้ แต่ความไม่แน่นอนนี้ก็ไม่สามารถหยุดนักลงทุน และนักวิเคราะห์ที่พยายามคาดการณ์ราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ซึ่งจากข้อมูลที่สำนักข่าวของ Coindesk ได้รวบรวมมา ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นนั้นมีดังนี้
นักลงทุนสถาบันต้องการเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น
ด้วยระบบเศรษฐกิจเหรียญที่มีอยู่อย่างจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ BTC นักลงทุนสถาบันบางส่วนจึงได้เข้ามาถือครองไว้โดยคาดการณ์ว่าราคาจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะปริมาณเหรียญที่มีอยู่อย่างจำกัดในขณะที่ความต้องการจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ และสภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจากการพิมพ์เงินปริมาณมหาศาล ทำให้มีนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนทั้งถือครอง Bitcoin โดยตรงหรือผ่านสัญญาซื้อกับบริษัท CME อยู่เป็นจำนวนมาก
มูลค่าของ U.S. dollar ลดต่ำลง
ภาวะเงินเฟ้อซึ่งเกิดจากการพิมพ์เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นจำนวนมากยังส่งผลในมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐลดลงด้วยเมื่อเทียบมูลค่ากับสกุลเงินอื่น โดยในปี 2020 ค่าเงินดอลลาร์ได้อ่อนตัวลงถึง 6.8% และคาดการณ์ว่าจะยังคงอ่อนตัวลงต่อไปในปี 2021 หากธนาคารกลางยังคงพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในประเทศสหรัฐอเมริกา
การเข้าซื้อของนักลงทุนรายย่อย
นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากได้เฝ้ามองราคา Bitcoin อย่างใจดใจจ่อ โดยเฉพาะล่าสุดที่การซื้อขายสกุลเงิน Bitcoin สามารถทำได้ง่ายขึ้นโดย PayPal เปิดแพลตฟอร์มให้สามารถซื้อขาย Bitcoin ได้ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ทางกลุ่มวิเคราะห์ทรัพย์สินดิจิทัล ByteTree ยังได้รายงานอีกว่าในปีที่ผ่านมามีการซื้อ Bitcoin ด้วยเงินจำนวน $600 อยู่บ่อยครั้งซึ่งตรงกับจำนวนเงินชดเชยจากรัฐบาลสหรัฐฯ จากภาวะ COVID-19
CEO บริษัทลงทุน BitBull Capital นาย Joe DiPasquale กล่าวว่าโดยทั่วไปแล้วผู้คนนั้นต้องการที่ซื้อเพื่อขายเอากำไรอยู่เสมอ จากจุดนี้ทำให้เขาคาดการณ์ว่าอาจเกิดการปรับฐานราคาเกิดขึ้นได้ โดยจะมีระดับแนวรับอยู่ปรัมาณ $28,000
CEO บริษัทลงทุนทรัพย์สินดิจิทัล Panxora นาย Gavin Smith กล่าวว่าตั้งแต่ปี 2013 Bitcoin จะมีการปรับฐานราคาที่สูงถึง 25% ทุกครั้งที่มีการทำระดับราคาสูงสุดใหม่ ซึ่งเขาจะไม่แปลกใจเลยหาก Bitcoin สามารถพุ่งไปถึงระดับ $70,000 หรือ $80,000 แล้วจึงตามด้วยการปรับฐานราคาที่สูงถึง 40%
โดยรวมแล้วถึงแม้ว่าจะมีการพุ่งขึ้นของราคาอย่างรุนแรงในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่สกุลเงินคริปโตส่วนมากนั้นมีความผันผวนของราคาสูง อีกทั้ง Bitcoin มักจะมีการปรับฐานราคาอยู่เสมอหลังที่ได้ทำระดับราคาสูงสุดใหม่ โดยทาง Coindesk ได้สรุปสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ไว้ดังนี้
เทคโนโลยที่เข้ามา Disrupt ระบบของ Bitcoin
นอกจากนี้นาย Gavin ยังกังวลอีกว่าในอนาคตเทคโนโลยีที่พัฒนาไวเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหากับตลาด Bitcoin ได้ ดังเช่น Quantum Computer ที่จะรูปแบบการแข่งขันในการขุดเหรียญเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เป็นต้น
ปัญหาด้านกฎหมาย
หัวหน้าฝ่ายวิจัยบริษัท Broker คริปโต Bequant นาย Denis Vinokourov ได้กล่าวว่าราคา Bitcoin จะร่วงลงต่ำถึง $4,000 ก็เป็นไปได้ หากรัฐบาลต้องการที่จะดำเนินการทางกฎหมายกับ tether (USDT) และทำให้นักลงทุนจำนวนมากแห่เทขายคริปโตได้ ซึ่งศาสตราจารย์ด้านการเงินประจำมหาวิทยาลัย Georgetown นาย James Angel ได้ให้ความเห็นไว้ว่า “คนที่พยายามสร้างสกุลเงินมาแข่งขันกับสกุลเงินประจำชาติของรัฐบาล มักจะถูกกฎหมายเล่นงานอยู่เสมอ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายกับสกุลเงินของรัฐบาลได้”
ดัชนีการลงทุนจำนวนมากที่บ่งชี้ถึงการปรับฐานราคา
Bitcoin อาจมีราคาพุ่งขึ้นอีก 2 หรือ 3 เท่าตัวจากราคาปัจจุบัน ก่อนจะตกกลับลงมาที่เดิมได้ ซึ่งผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน Amplify Transformational Data Sharing exchange-traded fund กล่าวว่าเขาได้คาดการณ์ถึงการดึงตัวกลับของราคา (Retracement) ที่อาจเกิดขึ้นหลังทำจุดสูงสุดใหม่จะสูงถึง 2 ใน 3 หรือประมาณ 66% ของราคาที่พุ่งขึ้นไปได้ แต่นั้นก็อาจไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
การเทขายเพื่อทำกำไรของนักลงทุน
CEO ของผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับคริปโต CF Benchmarks นาย Sui Chung กล่าวว่า แม้ว่าหลายสัญญาณจะบ่งชี้ถึงตลาดขาขึ้น แต่ด้วยสภาพราคาปัจจุบันนั้นอาจเกิดการปรับฐานราคาขึ้นเมื่อใดก็ได้
ซึ่งผู้บริหารของ eToro นาย Guy Hirsh ก็ได้ออกมากล่าวว่า เป็นธรรมดาที่นักลงทุนจะทำการลงทุนเพื่อแสวงผลกำไร ซึ่งการเทขายอาจทำให้เกิดการร่วงลงของราคาอยู่ชั่วขณะหนึ่งได้ แต่เขาจะแปลกใจมากกว่าหากราคาร่วงลงต่ำกว่าระดับ $20,000 เพราะมีนักลงทุนสถาบันอยู่ในตลาด Bitcoin เป็นจำนวนมากแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดการร่วงลงเพื่อปรับฐานราคาจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ที่มา: Coindesk