นายปรมินทร์ อินโสม นักลงทุน Bitcoin และ Cryptocurrency ชื่อดังในไทยได้เผยว่าทางเขานั้นได้เข้าแจ้งความต่อสถานีตำรวจ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการนำเอาหลักฐานการแจ้งความดังกล่าวมาเผยต่อทางสยามบล็อกเชน เพื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียง หลังจากที่ตัวเขาพร้อมเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ นั้นเคยลงทุนกับนาย A (นามสมมติ) โดยลงทุนรวมกันเป็นเงิน 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเป็นเงินรวมกันกว่า 9 ล้านบาทในขณะนี้ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เงินคืน
โดยนายปรมินทร์นั้นได้ให้สัมภาษณ์กับทางสยามบล็อกเชนว่าก่อนหน้านี้นาย A ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้บริหารกองทุนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ชักชวนให้นายปรมินทร์ลงทุนในกองทุนของเขา แต่จะต้องลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และจะต้องคงสถานะเงินไว้ 2 ปีจึงจะสามารถถอนเงินได้ แต่หากมีบุคคลอื่นอยากร่วมลงทุนก็สามารถมาชักชวนได้
หลังจากนั้นนายปรมินทร์จึงได้ไปกล่าวแก่เพื่อน ๆ ของเขาอีกสองคนซึ่งก็คือนาย S และนาย C (นามสมมติ) ถึงการลงทุนนี้ โดยทั้งสามรายนี้ได้ทำการโอนเหรียญ Cryptocurrency ทั้งหมดสองสกุลด้วยกันเข้าไปให้นาย A ซึ่งก็คือ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงเดือนธันวาคม 2560
- โดยนาย S ได้โอน Bitcoin จำนวนมูลค่า 5 BTC เป็นมูลค่า 70,000 ดอลลาร์ หรือ 2.1 ล้านบาท
- ส่วนนายปรมินทร์โอน 175 Ether มูลค่า 130,000 ดอลลาร์ หรือ 3.9 ล้านบาท
- นาย C โอน 7 BTC เป็นมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ หรือ 3 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เอกสารดังกล่าวเผยอีกว่าเมื่อใกล้ครบตามสัญญาแล้วนั้น นายปริมินทร์ได้แจ้งนาย A เพื่อขอถอนเงินรวมทั้งกำไรออกจากกองทุนดังกล่าว และนาย A ก็ได้ทำการตอบรับ และแจ้งให้ทราบ รวมถึงมีการส่งผลประกอบการลงทุนให้กับนายปรมินทร์อีกด้วย พร้อมให้แบบฟอร์มและเอกสารกับนายปรมินทร์ และเพื่อน ๆ ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 เพื่อกรอกในการขอเงินคืน ก่อนที่นาย A แจ้งว่าจะใช้เวลา 60 วันในการโอนเงินคืนให้
แต่ทว่าหลังจาก 60 วันแล้ว นาย A ก็ไม่ได้มีการโอนเงินคืนตามที่แจ้งไว้แต่อย่างใด อีกทั้งยังมีพฤติกรรมบ่ายเบี่ยง เพิกเฉย และประวิงเวลา อ้างอิงจากเอกสารการแจ้งความ
ภายหลังจากที่ไม่มีการโอนเงินคืนนั้น ทางนายปรมินทร์จึงได้มาแจ้งความในช่วงวันที่ 15 กันยายน 2563 เนื่องจากได้รับความเสียหาย
นายปรมินทร์ได้เข้ามาให้สัมภาษณ์กับทางสยามบล็อกเชนว่าทางเขานั้นจะพยายามดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยจะรอการออกหมายเรียก และออกหมายจับนาย A ต่อไป “หลังจากนั้น น่าจะเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล” นายปรมินทร์ กล่าว
ซึ่งทางสยามบล็อกเชนจะมาอัพเดตให้ทราบต่อไป