หลังจากที่เราได้เห็น FUD ของข่าวเกี่ยวกับข้อบกพร่องของการทำงานบน Blockchain ของ Bitcoin ในวันนี้ ที่มีรายงานต้นฉบับมาจาก BitMEX Research และถูกรายงานโดย Cointelegraph อีกทีในวันนี้ ว่าเครือข่าย Blockhchain ของ Bitcoin นั้นเกิดเหตุการณ์ทำธุรกรรมซ้ำกันสองครั้งหรือ double spending ขึ้นนั้น ล่าสุดกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านดังกล่าวในไทยได้ออกมายืนยันแล้วว่าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้แต่อย่างใด
โดยอ้างอิงจากโพสต์แสดงความเห็นของนายพิริยะ สัมพันธารักษ์ หรือผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนด้านคริปโตในไทย CDC Chaloke Dot Com นั้น เขาได้ออกมากล่าวว่าข่าวนี้ถือเป็น “บทความไร้สาระของสาวก BSV ที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
“Message มาเต็มเลย ยังไม่มีเวลาตอบเต็มๆ เอาสั้นๆ ก่อนนะ
- สิ่งที่เกิดขึ้นคือการแข่งขันระหว่าง chain ที่เกิดเมื่อมี block เกิดขึ้นในเวลาใกล้ๆกันทำให้ node มี block ล่าสุดสอง version ที่ต่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยมาก และระบบจะแก้ได้ด้วยการรอว่า chain ไหนจะสร้างบล็อกใหม่ต่อไปได้ก่อนกัน กรณีของ block race เพียง 1 block หรือ 1 block reorg นั้นเป็นเรื่องปกติ
- ไม่มีการ double spend เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีการพยายาม double spend (ซึ่งมีเรื่อยๆ) แต่ในที่สุดก็ไม่สำเร็จเพราะมีเพียงธุรกรรมเดียวที่ถูกบันทึกในบล็อกที่ชนะการแข่งขัน ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ระบบบิตคอยน์ยับยั้งการ double spend ได้สำเร็จ
- ข่าวแพร่มาจากการที่ cointelegraph ไปเอาบทความไร้สาระของสาวก BSV ที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรมาปั้นเป็นข่าวขยะๆตามสไตล์ของสำนักข่าวขยะๆเท่านั้น”
ในวันนี้เราได้เห็นการร่วงลงของราคา Bitcoin อย่างรุนแรงหลังจากที่มีข่าว FUD ดังกล่าวออกมา โดยมันได้ร่วงจากระดับ 35,686 ดอลลาร์ลงมาอยู่ที่ 31,258 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นราว ๆ 4,000 กว่าดอลลาร์ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ราคาของเหรียญ BTC นั้นเริ่มที่จะมีการฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 32,358 ดอลลาร์แล้ว
ที่น่าสนใจก็คือ กูรูด้านคริปโตอันดับต้น ๆ ในไทยอีกราย ผู้สร้างเหรียญ Firo นั้นได้ออกมาแสดงความเห็นในอีกแง่มุมหนึ่ง โดยเขากล่าวว่าการ double spend จากข่าวดังกล่าวนี้หากมองในแง่มุมของเว็บกระดานเทรดแล้ว มันแตกต่างจากในแง่มุมของ blockchain โดยเขากล่าวว่า
“double spend ไม่เกิด ใช่ครับ ถ้า limit reorg ไม่เกินที่ exchange รับ แต่ถ้า exchange รับไปแล้วเกิน confirmation ที่กำหนด แล้วเกิด reorg ที่เกิน confirmation ที่ exchange รับ กลายเป็นว่า ไม่ได้เกิด double spend จริงครับ แต่ความเสียหายเกิดไปแล้ว ในมุมของ exchange เขามองว่าเป็น double spend ครับ แต่ในมุม blockchain มองว่าไม่ใช่ เพราะมัน correct ตัวเอง”