บริษัทผู้ให้บริการด้านการโอนเงินระดับโลก MoneyGram ได้ออกมากล่าวว่าพวกเขาได้เปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์กับ Ripple ท่ามกลางการถูกฟ้องร้องจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ
โดยอ้างอิงจากรายงานการประเมินรายได้ของไตรมาสนี้ของ MoneyGram พวกเขาเผยว่าปัจจุบันไม่มีแผนการในการรับรายได้จากค่าธรรมเนียมจากตลาดของ Ripple แต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยได้รายได้จากส่วนดังกล่าวราว ๆ 12 ล้านดอลลาร์เมื่อไตรมาสเดียวกันในปี 2020 ที่ผ่านมา
“เนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับคดีความของ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ทางบริษัทจึงต้องทำการหยุดซื้อขายบนแพลทฟอร์ทของ Ripple” กล่าวโดย MoneyGram
การร่วมมือระหว่างสองบรษัทดังกล่าวมีขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เมื่อตอนที่ทาง MoneyGram นั้นได้ให้การรองรับ XRP ในระบบของพวกเขา ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ได้เซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กัน เพื่อเข้ามาตีตลาดการโอนเงินระหว่างประเทศ โดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นตัวกลาง
นอกจากนี้ทาง Ripple ยังได้ทำการลงทุนซื้อหุ้นของ MoneyGram ไปถึง 50 ล้านดอลลาร์ โดยคิดเป็นราว ๆ 10% ของหุ้นทั้งหมดเมื่อตอนเดือนพฤศจิกายน 2019 ที่ผ่านมา แต่ก็เทขายไปราว ๆ 15 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนธันวาคม 2020
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากนั้นไม่นานก็เป็นช่วงที่ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ได้ออกมาฟ้องร้องบริษัทและตัวผู้บริหารในข้อหา XRP เป็นหลักทรัพย์แบบผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้ทาง MoneyGram ต้องออกมากล่าวเพื่อเอาตัวรอดว่า “พวกเราไม่เคยใช้ระบบ ODL และ RippleNet มาก่อนเลย สำหรับการโอนเงินให้กับลูกค้า”
MoneyGram นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่บริษัทเดียวที่พยายามตีตัวออกห่างจาก Ripple หลังจากถูกฟ้องร้องโดย SEC แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เราได้เห็นบริษัทอีกเป็นจำนวนมากที่ออกมากระทำในลักษณะดังกล่าว ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าบทสรุปนั้นจะลงเอยอย่างไร Ripple จะสามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือของ SEC ได้หรือไม่