ในอดีตความคิดที่จะเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ปากซอยและใช้เพียงโทรศัพท์ชำระเงินค่าก๋วยเตี๋ยวด้วย Cryptocurrency อาจเป็นเพียงความฝันในจินตนาการ แต่แล้วปัจจุบันความฝันนั้นเริ่มมีเค้าโครงใกล้ความเป็นจริงเข้ามาทุกที
เมื่อผู้ประกอบการหลายรายทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างมองเห็นถึง “ทางเลือก” ในการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวันของคนยุคนี้ โดยการใช้เทคโนโลยีที่มีความเป็นอิสระมากขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ “สกุลเงินดิจิทัล”
และล่าสุดก็เป็นทางด้านของบริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าผ้าใบและรองเท้าแตะชื่อดัง ที่ออกมาประกาศให้ลูกค้าสามารถนำสกุลเงินดิจิทัลมาแลกสินค้านันยางได้ตามที่ทาง Siam Blockchain ได้รายงานไปก่อนหน้านี้
กระแสเปิดรับ Bitcoin และ Cryptocurrency ที่มาแรงในขณะนี้บ่งบอกถึงอะไร จะเป็นจุดเริ่มต้นของทางเลือกในการชำระเงินรูปแบบใหม่หรือไม่ ทาง Siam Blockchain จะพาไปหาคำตอบกันในบทความนี้
ไม่ใช่แค่ Tesla ที่ทำได้ แต่คนไทยก็ทำได้
จากการประกาศรับชำระเงินการซื้อสินค้าของบริษัท Tesla ด้วยสกุลเงินดิจิทัลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เป็นข่าวที่นักลงทุนและผู้ประกอบการสนใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่เพียงแค่บริษัทชั้นนำระดับโลกเท่านั้น ผู้ประกอบการในไทยก็เริ่มปรับตัวตามแล้ว
โดยกระแส Cryptocurrency ที่มาแรงในปัจจุบันทำให้ผู้ประกอบการหลาย ๆ ธุรกิจในไทยหันมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นช่องทางในการพัฒนาธุรกิจไม่ให้ตกเทรนด์
ซึ่งการนำสกุลเงินดิจิทัลเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันหรือใช้ในทางธุรกิจ นับเป็นกระแสที่มาแรงในปีนี้ของสังคมไทยเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากการเปิดรับชำระสกุลเงินดิจิทัลของร้านอาหารเช่น Shabu Smile และ หมูกระทะ-Number ONE
ทางร้าน หมูกระทะ-Number ONE อยู่ในช่วงทะสอบระบบและจะคิดค่าใช้จ่ายโดยไม่อ้างอิงกับราคาเงิน Fiat ในปัจจุบัน โดยทางร้านยังมีความตั้งใจในการผลักดันการใช้สกุลเงินดิจิทัลในสังคมไทยอีกด้วย นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
และล่าสุดบริษัทผลิตรองเท้าในตำนานของไทยอย่าง “นันยาง” ก็ได้เปิดรับการแลกเปลี่ยนสินค้าด้วยสกุลเงินดิจิทัลเช่นกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ประกอบการธุรกิจในไทยได้ประกาศเปิดรับชำระเงินเป็นคริปโต
แต่รวมไปถึงร้านอาหารต่าง ๆ ที่เริ่มรับชำระเงินด้วย Bitcoin ในปีนี้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นับว่าเป็นการตอกย้ำถึงกระแสสกุลเงินดิจิทัลที่มาแรงในขณะนี้เป็นอย่างมาก
โดยก่อนหน้านี้ทางเครือโรงหนังยักษ์ใหญ่ก็ได้เปิดรับ Bitcoin ให้แลกตั๋วหนังเช่นกัน ซึ่งเป็นการจับมือร่วมกับบริษัทชั้นนำอย่าง Rapidzpay และ Zipmex ในการพัฒนาระบบการเงินสู่ยุคใหม่
แล้วบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ล่ะ?
เมื่อผู้ประกอบการรายย่อยได้เริ่มเปิดรับ Bitcoin และ Cryptocurrency แล้ว ผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์จะเคลื่อนไหวอย่างไร ยังเป็นคำตอบที่คงต้องเฝ้าติดตาม
หากถอดบทเรียนจากผู้ประกอบการชั้นนำของโลกอย่าง Microstrategy, PayPal, Square และ Tesla แล้ว หุ้นของบริษัทเหล่านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้าแทบจะทุกครั้งที่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Bitcoin ในเชิงบวก
ซึ่งถ้าลองจินตนาการถึงบริษัทในไทยที่เปิดใจยอมรับ Bitcoin หรือลงทุนเก็บไว้ในงบดุลของบริษัท อาจจะส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม Case study ของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ได้กล่าวไปข้างต้น
อีกทั้งจะเป็นการเปิดประตูให้อีกหลายบริษัทหันมาแบ่งเงินสดเพื่อถือครอง Bitcoin ในการป้องกันความเสี่ยงจากสภาวะเงินเฟ้อ และเป็นการปรับตัวตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปในเร็ววัน
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป Cryptocurrency จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการเงินปัจจุบัน
ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสผ่านการสัมผัสเป็นอันตรายที่ทุกคนต่างหวาดระแวง ทางเลือกหนึ่งของการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลจึงตอบโจทย์กับการแก้ไขปัญหาการใช้เงินสดที่มีการสัมผัสได้เป็นอย่างดี
บ่งบอกถึงการปรับตัวของคนในยุคใหม่อยู่ตลอดเวลาจนเริ่มมีการผลักดันให้การเป็นสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ในบางชุมชน ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีเพื่อเลี่ยงการติดต่อหรือสัมผัสผ่านเงินสด
แม้ว่าจะมีทางเลือกในการชำระเงินเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งช่องทาง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า Cryptocurrency ที่ไม่ใช่ Stable coin นั้นมูลค่าของมันยังมีความผันผวนอยู่ การใช้งานของมันในปัจจุบันยังคงเป็นได้แค่ “ทางเลือก” เพียงเท่านั้น
เนื่องจากยังมีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม ซึ่งแตกต่างจากการโอนเงินผ่านธนาคารหรือสแกนบาร์โค้ดชำระเงินออนไลน์ปกติที่ไม่มีค่าธรรมเนียม
ต้องติดตามกันต่อว่าในอนาคตหากมีการใช้งานแพร่หลายในชีวิตประจำวันไปทั่วโลกแล้ว Cryptocurrency อาจมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินที่ใหญ่กว่านี้ก็เป็นได้